สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความพยายามในการฟื้นฟูภาคการค้าปลีกและการบริการที่กำลังซบเซาของฮ่องกงกำลังเผชิญอุปสรรคมากขึ้น โดยสถานบันเทิงยามค่ำคืนชั้นนำบางแห่งของเมืองนั้นไม่มีลูกค้า เนื่องจากชาวฮ่องกงต่างแห่กันข้ามพรมแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะชอปปิงและหาความบันเทิงได้ในราคาที่ถูกกว่าฮ่องกง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังการอ่อนค่าของเงินหยวนในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้ชาวฮ่องกงแห่ไปเที่ยวจีน เพื่อใช้จ่ายเงินไปกับการทานหม้อไฟ ตัดผม และเล่นสกีในร่ม ไม่ก็ซื้อของที่แซมส์ คลับ (Sam?s Club) ซึ่งเป็นเชนร้านค้าในเครือวอลมาร์ท
ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฮ่องกงระบุว่า ผู้คนเดินทางออกจากฮ่องกงมากกว่า 7.7 ล้านครั้งในเดือนธ.ค. ผ่านทางบกและท่าเรือทะเล ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักใช้เพื่อเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียง เช่น มาเก๊าและเซินเจิ้น โดยนับเป็นเดือนธ.ค. ที่มีจำนวนชาวฮ่องกงเดินทางออกมากที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ๆ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มรายงานสถิติดังกล่าวในปี 2527
เกือบครึ่งหนึ่งของการเดินทางทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยการเดินทางขาออกมากกว่า 86% เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนระหว่างฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่
นายเบน เหลียง ประธานผู้ก่อตั้งสมาคมบาร์และคลับที่ได้รับใบอนุญาตแห่งฮ่องกง กล่าวว่า "เมื่อก่อน เราทุกคนต่างตั้งตารอวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะนั่นคือช่วงเวลาทองของธุรกิจ" แต่ตอนนี้วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ทั้งหลายกลายเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไปแล้ว