นายคริส เคมป์ชินสกี ซีอีโอของแมคโดนัลด์เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) ว่า ธุรกิจหลายแห่งในตลาดตะวันออกกลางและบางแห่งนอกภูมิภาคกำลังเผชิญผลกระทบทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับแบรนด์แมคโดนัลด์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภูมิภาค
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ของชาติตะวันตกรวมถึง แมคโดนัลด์ และสตาร์บัคส์นั้นได้ตกเป็นเป้าหมายของการถูกคว่ำบาตรในระดับรากหญ้าเป็นวงกว้าง เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ถูกมองว่ามีจุดยืนสนับสนุนอิสราเอล และมีความสัมพันธ์ทางการเงินกับอิสราเอล
นายเคมป์ชินสกีระบุว่า ข้อมูลอันเป็นเท็จที่เกี่ยวกับแบรนด์ต่าง ๆ เช่น แมคโดนัลด์นั้น เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและไม่มีมูลความจริง
"ในทุกประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ รวมถึงในประเทศมุสลิม แมคโดนัลด์ภาคภูมิใจที่มีตัวแทนเป็นผู้ประกอบการในท้องถิ่นซึ่งทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้บริการและยกระดับชุมชนของตน ในขณะเดียวกันก็จ้างงานเพื่อนร่วมชาติจำนวนหลายพันคน" นายเคมป์ชินสกีระบุผ่านทางลิงค์อิน
เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แมคโดนัลด์ในอิสราเอลได้ประกาศในบัญชีโซเชียลมีเดียของบริษัทว่า บริษัทได้แจกอาหารฟรีหลายพันชุดให้กับทหารอิสราเอล
แต่ในเวลาต่อมา แฟรนไชส์ของแมคโดนัลด์ปฏิเสธการกล่าวอ้างดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองภายในบริษัทในช่วงสงคราม
นอกจากนี้ แบรนด์สินค้าตะวันตกบางแบรนด์ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรในอียิปต์และจอร์แดน รวมถึงบางประเทศนอกภูมิภาคอาหรับ เช่น มาเลเซียซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
ในปีงบการเงิน 2565 แมคโดนัลด์ดำเนินการด้านแฟรนไชส์และร้านอาหารประมาณ 40,275 สาขาในกว่า 100 ประเทศ และมีรายได้ต่อปีรวมแตะ 2.318 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตในอิสราเอลแตะประมาณ 1,200 รายจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮามาสเมื่อวันที่ 7.ต.ค. ขณะที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการตอบโต้ด้วยการโจมตีฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22,438 รายเมื่อนับจนถึงวัน 4 ม.ค.