สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า หัวเว่ยซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนได้เริ่มทยอยปลดพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์และความสัมพันธ์กับรัฐบาลในสหรัฐและแคนาดา
แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า หัวเว่ยได้สั่งปลดพนักงานจำนวนหนึ่งตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงพนักงานบางรายที่ถูกปลดหลังปีใหม่ โดยพนักงานบางส่วนทำงานให้กับหัวเว่ยมานานนับทศวรรษและรู้สึกผิดหวังต่อข่าวนี้ แต่พนักงานบางส่วนมองว่า หัวเว่ยตัดสินใจครั้งนี้เพราะความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนย่ำแย่ลง
แม้จำนวนรวมของพนักงานที่ถูกปลดในครั้งนี้จะค่อนข้างน้อย โดยมีพนักงานระดับผู้จัดการรวมอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง แต่การตัดสินใจครั้งนี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มของธุรกิจหัวเว่ยในตลาดสหรัฐ
หัวเว่ยได้ขยายแผนกประชาสัมพันธ์และความสัมพันธ์กับรัฐบาลในอเมริกาเหนือในช่วงที่หัวเว่ยถูกบรรจุในบัญชีดำของรัฐบาลสหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 2562 และในเวลาไล่เลี่ยกัน นางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ยได้ถูกควบคุมตัวในเมืองแวนคูเวอร์ของประเทศแคนาดาตามคำขอของสหรัฐ ซึ่งต่อมาได้ขอให้ส่งตัวนางเมิ่งไปยังสหรัฐจากข้อหาฉ้อโกง
ในปี 2564 หัวเว่ยได้จ้างนายโทนี โปเดสตา ล็อบบี้ยิสต์มากประสบการณ์จากสายพรรคเดโมแครตและบริษัทล็อบบี้อื่น ๆ อีก 3 แห่งให้เข้ามาช่วยวิ่งเต้นขอปล่อยตัวนางเมิ่ง รวมถึงจัดการปัญหาต่าง ๆ เช่น การค้า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และมาตรการอื่น ๆ โดยในเวลานั้น หัวเว่ยมองว่าสหรัฐเป็นตลาดสำคัญและรู้สึกว่ายังมีโอกาสพลิกฟื้นสถานการณ์
แต่หลังเวลาล่วงเลยมาหลายปีความสัมพันธ์สหรัฐ-จีนกลับร่วงแตะจุดต่ำสุด และหัวเว่ยกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนที่ถูกรัฐบาลตะวันตกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
นอกเหนือจากอเมริกาเหนือแล้ว ความตึงเครียดทางการเมืองยังคงบั่นทอนแนวโน้มธุรกิจของหัวเว่ยในตลาดอื่น ๆ ด้วย เช่น สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย