กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยบทความของเจ้าหน้าที่ IMF ซึ่งได้แก่นายจิฮัด อาซอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายตะวันออกกลางและเอเชียกลาง และอาเบเบ อาเอมโร ซาลาสซี ผู้อำนวยการฝ่ายแอฟริกา เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผสานรวมการค้าทั่วทวีปแอฟริกาเข้าด้วยกัน ซึ่งการค้าที่เพิ่มขึ้นภายในทวีปแอฟริกาจะช่วยทำให้ตัวเลข GDP ต่อหัวเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ประชาชนประมาณ 30-50 ล้านคนหลุดพ้นจากภาวะยากจนขั้นรุนแรง
รายงานระบุว่า ทวีปแอฟริกากำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ โดยประเทศต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกาได้เริ่มมุ่งสู่แนวทางการบูรณาการทางการค้าในเชิงลึกยิ่งขึ้น โดยเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา (The African Continental Free Trade Area-- AfCFTA) ถือเป็นปัจจัยในการปลดล็อกศักยภาพนี้และกำหนดภูมิทัศน์การค้าของทวีปแอฟริกาขึ้นมาใหม่ โดย AfCFTA มีวัตถุประสงค์เพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าและสร้างภูมิทัศน์การค้าแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว
AfCFTA ซึ่งเปิดตัวในเดือนม.ค. 2564 ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกาในการตระหนักถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของตนได้อย่างเต็มที่ ด้วยการขจัดอุปสรรคทางการค้าและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมทางการค้าแบบเป็นวงกว้าง
AfCFTA จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้า ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงาน และพัฒนามาตรฐานการดำรงชีวิตทั่วทวีปแอฟริกา โดยประโยชน์จากการบูรณาการทางการค้าจะเพิ่มสูงยิ่งขึ้น หากการลดอุปสรรคทางภาษีและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีภายใต้ AfCFTA นั้นดำเนินควบคู่ไปกับการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อมด้านการค้า
รายงานระบุว่า การค้าภายในทวีปแอฟริกาจะเพิ่มขึ้นถึง 53% ขณะที่การค้าระหว่างแอฟริกากับพื้นที่อื่น ๆ ของโลกจะเพิ่มขึ้น 15% ในระยะยาวเมื่อมีการบังคับใช้มาตรการปฏิรูปอย่างเต็มรูปแบบ โดยตัวเลขเหล่านี้จะก่อให้เกิดผลประโยชน์แบบเป็นรูปธรรม โดยตัวเลข GDP ต่อหัวที่แท้จริงของแอฟริกาจะเพิ่มขึ้นกว่า 10% และประชาชน 30-50 ล้านคนจะหลุดพ้นจากภาวะยากจนขั้นรุนแรง