ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะรายงานผลกำไรลดลงในไตรมาส 4/2566 หลังจากธนาคารได้กันเงินทุนสำรองเพื่อรับมือกับปัญหาหนี้สูญ ในขณะเดียวกันธนาคารก็ต้องจ่ายเงินให้กับผู้ฝากเงินเพิ่มขึ้นด้วย
โกลด์แมน แซคส์คาดว่า รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ของธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาจลดลงโดยเฉลี่ย 10% ในไตรมาส 4/2566 และคาดว่ารายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งอาจลดลงราว 15% ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อผลประกอบการโดยรวมด้วย
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2566 และผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2566 ในวันศุกร์นี้ (12 ม.ค.)
กำไรของธนาคารสหรัฐมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารต้องกันเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้ และคาดว่ากำไรจะปรับตัวลงเนื่องจากธนาคารต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อรักษาเงินในบัญชีของผู้ฝากเงิน
นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะต้องรับผิดชอบในการเติมเม็ดเงินเข้าสู่กองทุนของบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) หลังจากเม็ดเงินไหลออกจากกองทุนดังกล่าว อันเนื่องมาจากการล่มสลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และซิกเนเจอร์แบงก์
ด้านนักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ของแบงก์ออฟอเมริกาอาจลดลง 23% ในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะเดียวกันคาดว่า EPS ของซิตี้กรุ๊ปและมอร์แกน สแตนลีย์ อาจลดลง 25% และ 17% ตามลำดับ และคาดว่า EPS ของเจพีมอร์แกน อาจลดลง 3% และ EPS ของโกลด์แมน แซคส์ อาจลดลง 2%