นายทอม ลี นักวิเคราะห์จากบริษัท Fundstrat กล่าวว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะระดับ 100,000-150,000 ดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า หากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ซึ่งจะดึงดูดคำสั่งซื้อจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาด
นอกจากนี้ นายลีคาดว่าภายในระยะเวลา 5 ปี บิตคอยน์จะแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์
หากคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง บิตคอยน์จะทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564
ผู้เชี่ยวชาญยังคงมีความเชื่อมั่นว่า การที่มีผู้ปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับการอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ในช่วงเช้าวันนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของ SEC แต่อย่างใด โดย SEC จะยังคงให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ในวันนี้
นายเอริก บาลชูนาส นักวิเคราะห์กองทุน ETF ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก กล่าวว่า เขายังคงคาดว่า SEC จะประกาศการอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ในวันนี้ (10 ม.ค.) เวลา 16.00-17.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 04.00-05.00 น.ของพรุ่งนี้เช้า (11 ม.ค.) ตามเวลาไทย
บิตคอยน์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหลุดระดับ 45,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความสับสนในตลาด หลังมีข่าวปลอมระบุว่า SEC ได้ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF แล้ว ก่อนที่ SEC จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
การปรับตัวอย่างผันผวนของบิตคอยน์ดังกล่าวบ่งชี้ว่านักลงทุนสายคริปโทต่างกำลังใจจดใจจ่ออยู่ที่การตัดสินใจของ SEC ในวันนี้ ซึ่งหากมีการอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ก็จะถือเป็นการอนุมัติการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นครั้งแรกในสหรัฐ
นายจอช กิลเบิร์ต นักวิเคราะห์จาก eToro กล่าวว่า ข่าวปลอมเกี่ยวกับการอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ในเช้าวันนี้ได้สร้างความสับสนในตลาดบิตคอยน์ แต่สัญญาณทุกอย่างล้วนบ่งชี้ว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การที่สหรัฐอนุมัติจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF จะเป็นปัจจัยผลักดันให้บิตคอยน์ดีดตัวขึ้นต่อไป เหมือนกับการอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF ของทองเป็นครั้งแรกในเดือนพ.ย.2547 ซึ่งทำให้นักลงทุนเข้าลงทุนในทองได้สะดวกขึ้นเพียงเข้าซื้อกองทุน ETF โดยไม่ต้องถือครองทองโดยตรง และทำให้ทองกลายเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่นักลงทุนเลือกในการกระจายการลงทุน
การเปิดกองทุน ETF ทองในปี 2547 ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อจำนวนมากหลั่งไหลเข้าตลาด และทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นจากต่ำกว่าระดับ 500 ดอลลาร์/ออนซ์ไปสู่ระดับเกือบ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในเวลาเพียง 8 ปี
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปี 2568 หาก SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดคาดว่า กระแสเงินทุนราว 50,000-100,000 ล้านดอลลาร์จะไหลเข้าสู่บิตคอยน์ในปีนี้ หากมีการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ซึ่งจะดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
ด้านนายคริส เวสตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทเปปเปอร์สโตน กรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ Sell on Fact ทันทีที่ SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF
นอกจากนี้ นายเวสตันระบุว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิตคอยน์จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 51,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวลงจากการที่นักลงทุนเข้าทำกำไร
ขณะนี้ บิตคอยน์ได้ทะยานขึ้น 173% ในรอบ 12 เดือน และพุ่งขึ้น 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2567 สวนทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นและทอง
ข้อมูลจาก Coinswitch ระบุว่า การทะยานขึ้นของบิตคอยน์ได้ผลักดันให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีมูลค่ามากกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งได้พากันปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF เพื่อแย่งส่วนแบ่งในตลาด แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติต่อการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ก็ตาม
การประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ของบริษัทต่างๆ เป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า
ทั้งนี้ BlackRock และ Ark Investments เป็น 2 บริษัทรายล่าสุดที่ประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ในวันนี้ โดย BlackRock ปรับลดค่าธรรมเนียมสู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0.30% ขณะที่ Ark Investments ปรับลดค่าธรรมเนียมสู่ระดับ 0.21% จากเดิมที่ระดับ 0.25%
บริษัทจำนวน 13 แห่งได้ยื่นแบบฟอร์ม S-1 แสดงความจำนงในการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ต่อ SEC แล้ว ซึ่งได้แก่
Grayscale Bitcoin Trust, Ark Investments/21Shares Bitcoin Trust, Bitwise Bitcoin ETF Trust, BlackRock Bitcoin ETF Trust, VanEck Bitcoin Trust, WisdomTree Bitcoin Trust, Valkyrie Bitcoin Fund, Invesco Galaxy Bitcoin ETF, Fidelity Wise Origin Bitcoin Trust, Global X Bitcoin Trust, Hashdex Bitcoin ETF, Franklin Templeton Digital Holdings Trust และ Pando Asset Spot Bitcoin Trust
หาก SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF จะทำให้นักลงทุนที่ซื้อกองทุนดังกล่าวสามารถเข้าลงทุนในบิตคอยน์ได้โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง และจะสร้างความสนใจต่อนักลงทุนสถาบัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หลีกเลี่ยงการลงทุนในบิตคอยน์ เนื่องจากกังวลว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ขาดการควบคุมด้านกฎระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแล
ทั้งนี้ SEC มีกำหนดเส้นตายในวันนี้ (10 ม.ค.) ในการประกาศผลการพิจารณาอนุมัติแบบฟอร์ม S-1 ของบริษัทต่างๆ ที่ได้ยื่นแสดงความจำนงต่อ SEC และ SEC มีกำหนดพิจารณาให้การอนุมัติต่อแบบฟอร์ม 19b-4 ของแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ต้องการจดทะเบียนซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ภายในไม่กี่วันข้างหน้า โดย SEC จะต้องให้การอนุมัติแบบฟอร์ม S-1 และ 19b-4 ก่อนที่จะเริ่มเปิดการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ในตลาด
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของ SEC ได้จัดการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก, ตลาด Nasdaq และ ตลาด Chicago Board Options Exchange เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ซึ่งทั้ง 3 ตลาดเป็นตลาดที่มีการซื้อขายกองทุน ETF
การประชุมดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์กันอย่างแพร่หลายว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า
นักวิเคราะห์มีความมั่นใจว่า SEC จะให้การอนุมัติจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ไม่เกินวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการอนุมัติครั้งแรกในสหรัฐ
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในปีที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเพียง 24%
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2567