สถานะในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีของบริษัทคอยน์เบส โกลบอล อิงค์ (Coinbase Global Inc) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ รายใหญ่จากสหรัฐ เสี่ยงพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) มีมติอนุมัติให้กองทุน 11 แห่งสามารถจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ซึ่งเป็นการจัดตั้งครั้งแรกในสหรัฐ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า คอยน์เบสจะช่วยให้คำปรึกษากับบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์รายใหญ่บางรายในการเข้าสู่ระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น แบล็กร็อก (BlackRock), แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (Franklin Templeton) และวิสดอมทรี (WisdomTree) ในฐานะพันธมิตรด้านการเก็บรักษาสินทรัพย์ ซึ่งหมายความว่าคอยน์เบสจะกลายเป็นตัวกลางในการเก็บรักษาสินทรัพย์ให้กับบริษัทเหล่านี้
แม้รายได้จากการเก็บรักษาสินทรัพย์จะช่วยสร้างโอกาสด้านการเติบโตครั้งใหญ่ให้กับคอยน์เบสในระยะใกล้ แต่นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมบางรายวิตกกังวลว่า ธุรกิจด้านการทำธุรกรรมหลักของคอยน์เบสกำลังเผชิญกับความเสี่ยง เนื่องจากนักลงทุนจะมีวิธีการเพิ่มมากขึ้นในการเข้าถึงบิตคอยน์ โดยแทนที่จะพึ่งพาแพลตฟอร์มซื้อขายของคราเคน (Kraken), ไบแนนซ์ (Binance) หรือคอยน์เบส นักลงทุนจะสามารถลงทุนในคริปโทฯผ่านทางกลไกเดิมที่พวกเขาใช้อยู่แล้วในการซื้อหุ้นและกองทุน ETF
ในรายงานเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ (Bernstein) คาดการณ์ว่า ในเวลาไม่ถึง 5 ปี 10% ของบิตคอยน์ทั่วโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกบริหารจัดการโดยกองทุน ETF โดยเบิร์นสไตน์เรียกสิ่งนี้ว่าเป็น "ท่อขนาดใหญ่ที่สุดที่เชื่อมโยงระหว่างตลาดเงินดั้งเดิมกับตลาดคริปโทฯ"
ในปี 2566 หุ้นคอยน์เบสเป็นหนึ่งในหุ้นที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยทะยานขึ้นเกือบ 400% โดยการพุ่งขึ้นส่วนใหญ่นั้นสัมพันธ์กับราคาบิตคอยน์ซึ่งพุ่งขึ้น 150% แต่ปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้บิตคอยน์พุ่งนั้นเกิดจากการคาดการณ์ว่า กองทุน Spot Bitcoin ETF จะกระตุ้นให้ผู้คนหันมาสนใจคริปโทฯ มากยิ่งขึ้น และจะหนุนคอยน์เบส
นับตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่แบล็กร็อกพร้อมด้วยสินทรัพย์ในการดูแล 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ยื่นจดทะเบียนกองทุน Spot Bitcoin ETF และกำหนดให้คอยน์เบสเป็นผู้เก็บรักษาคริปโทฯ หุ้นของคอยน์เบสก็พุ่งขึ้นจาก 54 ดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับกว่า 170 ดอลลาร์สหรัฐภายในช่วงสิ้นปี 2566
นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนระบุในเดือนพ.ย.ว่า คอยน์เบสจะเป็นผู้ได้ประโยชน์รายสำคัญจากกระแสนิยมกองทุน Spot Bitcoin ETF เมื่อพิจารณาจากค่าธรรมเนียมการเก็บรักษาคริปโทฯ ที่คอยน์เบสจะได้รับจากบรรดาบริษัทจัดการสินทรัพย์
"เราประเมินว่ารายได้จากการเก็บรักษาบิตคอยน์จะชดเชยปริมาณการซื้อขายบิตคอยน์ที่ลดลงหลังผู้คนย้ายไปลงทุนในกองทุน Spot Bitcoin ETF ได้แบบเหลือเฟือ" นักวิเคราะห์เจพีมอร์แกนระบุ
แต่ทิศทางขาขึ้นของหุ้นคอยน์เบสเริ่มซาลงในช่วงต้นปี 2567 โดยหุ้นคอยน์เบสปรับตัวลง 14% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์จากมิซุโฮ (Mizuho) ระบุว่า คอยน์เบสจะได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้น
"เมื่อกระแสกองทุน Spot Bitcoin ETF แตะจุดสูงสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า คอยน์เบสจะรู้ว่าจะได้รับประโยชน์ทางรายได้จากประเด็นดังกล่าวน้อยเพียงใด" มิซุโฮระบุในวันนี้ (11 ม.ค.)
นักวิเคราะห์ของมิซุโฮกำหนดเป้าหมายราคาหุ้นคอยน์เบสช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาไว้ที่เพียง 54 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายต่ำสุดในบรรดานักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยแฟ็กต์เซ็ต (FactSet)