นายอามิต ดีซิต หัวหน้าธุรกิจหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ในเอเชียของแบล็คสโตนซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ทางเลือกรายใหญ่ที่สุดของโลกเปิดเผยว่า แบล็คสโตนจะเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นสองเท่าในธุรกิจหุ้นนอกตลาดในสิงคโปร์ภายใน 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าที่จะรุกธุรกิจดังกล่าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายดีซิตกล่าวว่า การขยายธุรกิจในสิงคโปร์จะทำให้แบล็คสโตนใกล้ชิดกับบรรดานักลงทุนมากขึ้นตั้งแต่กองทุนความมั่งคั่ง, ธุรกิจครอบครัว และนักลงทุนรายย่อย
ทีมงานฝ่ายหุ้นนอกตลาดของแบล็คสโตนในสิงคโปร์จะเพิ่มจำนวนพนักงานเป็น 6 หรือ 7 คนภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยนายอาร์วินด์ คริชนัน กรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการหุ้นนอกตลาด จะย้ายจากมุมไบมายังสิงคโปร์เพื่อดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของแบล็คสโตนนับเป็นการเข้าร่วมกระแสในหมู่บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก ที่กำลังขยายธุรกิจหรือจัดตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ เนื่องจากนักลงทุนทางการเงินสำรวจฐานการลงทุนอื่นนอกเหนือไปจากจีน ท่ามกลางปัญหาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีน
"การตั้งฐานธุรกิจในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจอยู่ในอินเดีย จีน เกาหลี หรือดำเนินงานอยู่ทั่วโลก แต่พวกเขาเลือกตั้งสำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์" นายดีซิต กล่าว
แบล็คสโตนซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ และชื่นชอบธุรกิจที่มีการดำเนินงานทั่วโลกเป็นพิเศษนั้น มองว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีโอกาสด้านการลงทุน การสร้างธุรกิจ และการขยายธุรกิจ
นายดีซิตกล่าวว่า แบล็คสโตนซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์กมีแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจต่าง ๆ ตั้งแต่เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ การบริการผู้บริโภค บริการทางการเงิน และการลงทุนทางอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่ม และพิจารณาข้อตกลงที่มีขนาดเล็กที่มีมูลค่าเพียง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ