นางกีตา โกปินาธ รองกรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซีนอกรอบการประชุม World Economic Forum (WEF) ว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมานั้น มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐแล้วประมาณ 75%
"เราพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นอย่างมาก แม้เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง โดยเราประมาณการว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจแล้ว 75% และที่เหลืออีก 25% จะเริ่มเห็นผลกระทบในปีนี้ นอกจากนี้ เราพบว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในยูโรโซน" นางโกปินาธกล่าวกับซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.)
เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรักษาทิศทางที่แข็งแกร่งได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 อย่างไรก็ดี นักกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจหลายรายมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจในยูโรโซนเข้าสู่ภาวะชะงักงัน หลังจาก ECB เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. 2565
"ความจริงก็คือ ทั้งภาคครัวเรือนและภาคเอกชนต่างก็มีงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น และแม้ว่าทั้งสองภาคส่วนจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ภาคส่วนเหล่านี้ก็สามารถปรับตัวรับกับสถานการณ์ได้"
"ส่วนตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง แต่ก็เป็นการชะลอตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ IMF เชื่อว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในลักษณะซอฟต์แลนดิ้ง เนื่องจากเงินเฟ้อปรับตัวลงโดยไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" นางโกปินาธกล่าว