หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกจากสหรัฐ และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ข้ามชาติจากสหรัฐ ปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (16 ม.ค.) เนื่องจากมุมมองเชิงบวกในกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าอุปสงค์ชิปที่ใช้ขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเพิ่มสูงขึ้น ได้หนุนให้เหล่านักวิเคราะห์วอลล์สตรีทปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของบรรดาบริษัทชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ ๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ
นายทอม โอมอลลีย์และนักวิเคราะห์รายอื่น ๆ ของบาร์เคลย์ ระบุว่า ปัจจุบัน Nvidia ครองส่วนแบ่งใหญ่ในตลาดชิป AI ขั้นสูง แต่ AMD มีแนวโน้มจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ เนื่องจาก AMD ได้เพิ่มการส่งมอบชิปให้กับลูกค้าระดับองค์กร
"เนื่องด้วยภาวะขาดแคลนอุปทาน ลูกค้าจึงมักเลือกซื้อสินค้าทั้งหมดจาก Nvidia เพื่อที่จะได้รับชิป AI ก่อนใคร" นักวิเคราะห์บาร์เคลย์ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า ในปี 2567 เป็นปีที่ AI จะเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น AMD จะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม
หุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้น 3% สู่ระดับ 563.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในวันอังคาร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้น AMD ปิดพุ่งขึ้น 8.31% แตะที่ 158.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยมูลค่าหุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวในปีที่ผ่านมา ทำให้กลายมาเป็นบริษัทผลิตชิปที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก ส่วนหุ้น AMD พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าตัวในปีที่ผ่านมา
บาร์เคลย์ได้เพิ่มเป้าหมายราคาสำหรับหุ้น AMD สู่ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นจาก 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ส่วนนักวิเคราะห์จากคีย์แบงก์ (KeyBanc) ได้เพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น AMD จาก 170 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น สู่ 195 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น และเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น Nvidia จาก 650 ดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 740 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันหุ้น Nvidia และ AMD อยู่ในกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดบนดัชนีชิปเซมิคอนดักเตอร์ PHLX โดยดัชนีดังกล่าวปรับตัวขึ้น 1.15% ในการซื้อขายเมื่อวานนี้