นายอามิน นาสเซอร์ ซีอีโอของซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า วิกฤตการณ์ในทะเลแดงอันเนื่องมาจากเหตุโจมตีของกลุ่มกบฎฮูตีนั้น อาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเรือบรรทุกน้ำมัน และทำให้การขนส่งล่าช้า เนื่องจากเรือขนส่งต้องหันไปใช้เส้นทางอื่นที่ใช้ระยะเวลายาวนานขึ้น
"หากเป็นแค่ในระยะสั้น เรือบรรทุกน้ำมันก็อาจยังมีให้บริการ แต่ถ้าเป็นระยะยาว ก็อาจเกิดปัญหาได้ ดังนั้นจะต้องมีเรือบรรทุกน้ำมันเพิ่มมากขึ้น และพวกเขาจะต้องเดินทางไกลขึ้น" นายนาสเซอร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ นอกรอบการประชุม World Economic Forum (WEF)
เนื่องจากข้อกังวลด้านความปลอดภัย บริษัทขนส่งหลายรายสั่งระงับหรือหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางเดินเรือผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งที่ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุดระหว่างยุโรปและตะวันออกกลาง รวมถึงเอเชีย ส่วนการเดินเรือผ่านแหลมกู๊ดโฮปใช้ระยะเวลานานขึ้น 10 วัน
นายนาสเซอร์กล่าวว่า ซาอุดี อารามโค สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางในทะเลแดงผ่านท่อส่งน้ำมันที่เชื่อมโรงกลั่นน้ำมันทางฝั่งตะวันออของประเทศกับชายฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และก่อนหน้านี้เคยถูกกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนโจมตีโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งเมื่อปี 2562