สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปเตรียมพร้อมรับมือกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงในปีนี้ หลังจากยอดขายรถยนต์ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือน ในเดือนธ.ค. 2566 เนื่องจากกระแสความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซาลง
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (18 ส.ค.) ว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลง 3.8% สู่ระดับ 1.05 ล้านคัน ในเดือนธ.ค. 2566 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่างเยอรมนี มียอดขายลดลงเกือบ 25% หลังจากมาตรการจูงใจสำหรับยานยนต์ EV สิ้นสุดลง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก และบดบังการเติบโตในประเทศสำคัญอื่น ๆ
อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในบางส่วนของยุโรป และแนวโน้มเชิงลบเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ คาดการณ์ว่า การเติบโตของยอดขายรถยนต์ในปีนี้จะชะลอตัวลงเหลือ 5% จากระดับ 14% ในปี 2566 ในขณะที่นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ชี้ว่า การชะลอตัวนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันต่อราคารถยนต์และลดผลตอบแทนแก่ผู้ผลิตรถยนต์
นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์นำโดยนายดาเนียล เริสกา กล่าวว่า ความต้องการอยากซื้อยานยนต์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคกำลังจางหายไป คาดว่าตัวแทนจำหน่ายและผู้ผลิตรถยนต์จะเผชิญกับผลกระทบอย่างเต็มที่ อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ซบเซาที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้