รายได้หลังหักภาษีที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการอุปโภคบริโภคในประเทศอินเดีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการบริโภคให้กลายมาเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
นายอภิเษก มัลโหตรา ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแมคคินซีย์ แอนด์ คอมพานี กล่าวว่า อินเดีย ซึ่งแต่เดิมพึ่งพาการบริการแบบธุรกิจกับธุรกิจ (business-to-business services) และพึ่งพาการผลิตในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตนั้น กำลังจะก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจที่เน้นการบริโภคมากขึ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งคาดการณ์ว่า ประชาชนประมาณ 100 ล้านคนในอินเดียคาดว่าจะกลายเป็นคนร่ำรวย เนื่องจากคาดว่าประชาชนเหล่านี้จะมีรายได้ต่อปีสูงกว่า 10,000 ดอลลาร์ภายในปี 2570
นายมัลโหตรากล่าวว่า ชาวอินเดียมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในด้านการเดินทาง ซื้อเครื่องประดับ การรับประทานอาหารนอกบ้าน นอกจากนี้ ยอดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในประเทศก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
รายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ปัจจุบัน ประชาชน 60 ล้านคนในอินเดีย หรือประมาณ 4% ของประชากรวัยทำงาน มีรายได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเพียง 24 ล้านคนในปี 2558
ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมีแนวโน้มจะใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2570 เนื่องจากจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงสูงนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นรองแค่เพียงสหรัฐและจีนเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น ทาทา สตาร์บัคส์ (Tata Starbucks) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างทาทา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ (Tata Consumer Products) และสตาร์บัคส์ คอร์เปอเรชัน (Starbucks Corporation) ได้ประกาศเมื่อเดือนม.ค. จะเปิดร้าน 1,000 แห่งในอินเดียภายในปี 2571
ข้อมูลจากบีเอ็มไอ (BMI) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของฟิทช์ โซลูชันส์ระบุ ประมาณ 33% ของประชากรของอินเดียมีอายุระหว่าง 20-33 ปี