ตลาดหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (EM Asia Stocks) ซึ่งไม่รวมตลาดหุ้นจีนนั้น มีแนวโน้มเผชิญกับเม็ดเงินไหลออกรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 เนื่องจากตลาดลดความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนทั่วโลกเทขายสุทธิในตลาดหุ้นเกิดใหม่ของเอเชียแล้ว 6.6 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เม็ดเงินไหลออกรายสัปดาห์จากตลาดดังกล่าวเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบเกือบ 19 เดือน โดยเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดนั้น นำโดยตลาดหุ้นไต้หวันซึ่งเป็นตลาดที่มีบริษัทเทคโนโลยีเข้าจดทะเบียนมากที่สุด และตลาดหุ้นอินเดียซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชีย
รายงานระบุว่า ในสัปดาห์นี้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไต้หวันแล้ว 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนายไล่ ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีไต้หวันและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่จีนมองว่าพรรค DPP เป็นพรรคที่มีจุดยืนสนับสนุนการแยกไต้หวันให้เป็นอิสระจากจีน
ส่วนตลาดหุ้นอินเดียมีเม็ดเงินไหลออกสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.26 พันล้านดอลลาร์ในวันพุธ (17 ม.ค.) และนักลงทุนต่างชาติได้ถอนทุนออกจากตลาดหุ้นอินเดียอีก 1.19 พันล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.)
อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการที่สดใสของบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ช่วยทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวันสดใสขึ้น และยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก รวมถึงช่วยหนุดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้