วาณิชธนกิจหลายแห่งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2567 จะชะลอตัวลงจากระดับปี 2566 เนื่องจากคาดว่าวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่องในปีนี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้ทำการสำรวจความเห็นของวาณิชธนกิจรายใหญ่ในสหรัฐ โดยระบุว่า โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2567 ของจีนจะขยายตัว 4.6% ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 5.2% ในปี 2566
ขณะที่เจพีมอร์แกนคาดการณ์ไว้ ตัวเลข GDP จีนในปี 2567 จะขยายตัว 4.9% และมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า GDP จีนจะขยายตัว 4.2% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในโพลสำรวจดังกล่าว
ไห่ปิน ซู หัวหน้านักวิเคราะห์เศรษฐกิจจีนจากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "มีหลายปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนเผชิญภาวะขาลงในปี 2567 ซึ่งรวมถึงการทรุดตัวของตลาดที่อยู่อาศัย และมีแนวโน้มว่าวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์จะลุกลามไปภาคส่วนอื่น ๆ ของจีน"
"เราคาดว่าแรงกดดันด้านเงินฝืดของจีนจะบรรเทาลงในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกและราคาเนื้อหมูในจีนที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ และอุปสงค์ภายในประเทศจะยังคงอ่อนแอ" นักวิเคราะห์กล่าว
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ว่า ตัวเลข GDP ปี 2566 ของจีน ขยายตัว 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ระดับ 5%
อย่างไรก็ดี NBS เปิดเผยในวันเดียวกันว่า ตัวเลข GDP จีนในไตรมาส 4/2566 ขยายตัว 5.2% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าอาจจะขยายตัว 5.3% และส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายแห่งในเอเชียร่วงลงอย่างหนักในวันดังกล่าว
ทางด้านนางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี นอกรอบการประชุม World Economic Forum (WEF) ว่า จีนจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงอย่างรุนแรง พร้อมกับเตือนว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นางกอร์เกียวากล่าวว่า ความท้าทายในระยะสั้นสำหรับจีนคือวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข รวมทั้งหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นที่อยู่ในระดับสูงมาก ส่วนความท้าทายในระยะยาวคือการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากร และภาวะขาดความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นในประเทศ
ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP จีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.6% ในปี 2567 เนื่องจากวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน