มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส มีมุมมองเชิงลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน, ภาวะตึงตัวด้านการเงิน และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
มูดี้ส์คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4% ในปี 2567 และ 2568 จากระดับเฉลี่ย 6% ในช่วงปี 2557-2566 ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
คริสเตียน เด กัซแมน รองประธานอาวุโสของมูดี้ส์เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า "นอกเหนือจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนแล้ว ภาวะตึงตัวด้านการเงินยังมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศในเอเชียแปซิฟิกด้วย โดยเราคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทั่วโลกรวมถึงเอเชียแปซิฟิก"
นอกจากนี้ กัซแมนคาดการณ์ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐจะยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเอชีย เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่สหรัฐยังคงเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของเอเชียเช่นกัน
อย่างไรก็ดี มูดี้ส์มองว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐอาจกลายเป็นโอกาสของหลายประเทศที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่และมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค เช่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม เนื่องจากบริษัทเอกชนต้องการสร้างความหลายหลายด้านห่วงโซ่อุปทานที่นอกเหนือไปจากจีน เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์