นักยุทธศาสตร์หวั่นแผนขึ้นภาษีของ "ทรัมป์" จะกระทบสินทรัพย์ทุกประเภท

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 23, 2024 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ไมเคิล เอเวอรี นักยุทธศาสตร์ระดับโลกประจำราโบแบงก์ (Rabobank) เปิดเผยว่า ตลาดต้องเริ่มคิดถึงผลกระทบเชิงโครงสร้างของข้อเสนอในการปรับขึ้นภาษีศุลกากร 10% ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะ "สั่นคลอนสินทรัพย์ทุกประเภท"

นายเอเวอรีให้สัมภาษณ์ในรายการ "Street Signs Asia" ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.) ว่า "การกลับมาของนโยบายการค้าของทรัมป์จะสั่นคลอนสินทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงหุ้น, อัตราแลกเปลี่ยน (FX), พันธบัตร เหมือนกับเอาทุกอย่างมาใส่กล่องแล้วเขย่า นั่นคือสิ่งที่ตลาดควรเริ่มคำนึงถึง"

ทั้งนี้ นายเอเวอรีแสดงความคิดเห็นดังกล่าว หลังจากนายรอน เดอซานติส แคนดิเดตตัวเต็งของพรรครีพับลิกัน ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

นายทรัมป์ ตัวเต็งตำแหน่งแคนดิเดตปธน.สหรัฐจากพรรครีพับลิกันเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งสหรัฐปี 2567 วางแผนที่จะปรับขึ้นภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด เพื่อเพิ่มรายได้ให้รัฐบาลถึง 3 เท่า และตั้งเป้าที่จะจูงใจให้มีการผลิตภายในประเทศ

เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า แผนปรับขึ้นภาษีดังกล่าวอาจเพิ่มต้นทุนของสินค้าหลากหลายประเภทที่ธุรกิจและผู้บริโภคในสหรัฐนั้นพึ่งพา แม้ระบุว่าการเก็บภาษีศุลกากรนั้นมีความเหมาะสมในบางกรณีก็ตาม

รายงานระบุว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายนี้มาจากทั้งสองพรรคการเมือง โดยแท็ก ฟาวน์เดชัน (Tax Foundation) สถาบันคลังสมองของสหรัฐระบุย้ำว่า ภาษีดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มภาษีแก่ผู้บริโภคในสหรัฐมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจกระตุ้นให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน

ทั้งนี้ อเมริกัน แอ็กชัน ฟอรัม (American Action Forum) ซึ่งเป็นองค์กรแนวคิดกลาง-ขวาประเมินว่า หากประเทศคู่ค้าดำเนินมาตรการการตอบโต้ ก็อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐปรับตัวลง 0.31% (6.2 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและลดสวัสดิการของสหรัฐลง 1.233 แสนล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ