ผู้พิพากษาศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐได้ปฏิเสธคำร้องของนายจ้าว ฉางเผิง หรือซีซี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไบแนนซ์ โฮลดิงส์ ที่ต้องการเดินทางไปยังบ้านของเขาในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อนำคนในครอบครัวของเขาเข้ารับการรักษาและผ่าตัดในโรงพยาบาล แม้ว่านายจ้าวได้ขอใช้หุ้นที่ถืออยู่ในไบแนนซ์เป็นหลักประกันว่าเขาจะเดินทางกลับสู่สหรัฐก็ตาม
เอกสารซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ระบุว่า ทนายความของนายจ้าวระบุในจดหมายลงวันที่ 22 ธ.ค. 2566 ซึ่งยื่นต่อผู้พิพากษาริชาร์ด โจนส์ว่า หุ้นที่นายจ้าวถือครองอยู่ในไบแนนซ์มีมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ โดยคำนวณจากข้อมูลการระดมเงินทุนครั้งหลังสุดของไบแนนซ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นายจ้าวได้ยอมรับสารภาพต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐที่เมืองซีแอตเทิลเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 ว่า เขาได้กระทำผิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ นอกจากนี้ ในการขึ้นศาลวันดังกล่าว ไบแนนซ์ได้ยอมรับว่า บริษัทได้อนุญาตให้กลุ่มฮามาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ ทำธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีบนแพลตฟอร์มของไบแนนซ์
รายงานระบุว่า บริษัทไบแนนซ์ยอมตกลงจ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงไกล่เกลี่ยระดับองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผู้พิพากษาริชาร์ด โจนส์ ยังได้สั่งการว่านายจ้าวจะต้องพำนักอยู่ในสหรัฐจนถึงกำหนดขึ้นศาลพิพากษาคดีละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐในเดือนก.พ.นี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ทนายความของนายจ้าวได้ยื่นจดหมายถึงผู้พิพากษาโจนส์เพื่อขออนุญาตให้นายจ้าวเดินทางไปยังเมืองอาบูดาบีในวันที่ 4 ม.ค. เป็นเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ เพื่อนำคนในครอบครัวของเขาเข้ารับการรักษาและผ่าตัดในโรงพยาบาล โดยทนายความอ้างว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนสำคัญในชีวิตของนายจ้าว ซึ่งนายจ้าวควรจะอยู่ด้วยในช่วงเวลาที่บุคคลนั้นเข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้น แต่ผู้พิพากษาโจนส์ได้ปฏิเสธคำร้องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ความร่ำรวยมหาศาลของนายจ้าวทำให้ศาลพิจารณาว่าเป็นเรื่องเสี่ยงมากหากอนุญาตให้เขาเดินทางออกจากสหรัฐ เพราะเขาอาจหลบหนีและไม่เดินทางกลับสู่สหรัฐ