ข้อมูลจากไอดีซี ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลกระบุว่า iPhone มียอดจัดส่งเป็นอันดับ 1 ในไตรมาสที่ 4/2566 และตลอดทั้งปี 2566
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า iPhone มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในจีน แม้นักวิเคราะห์หลายแห่ง รวมถึงเจฟฟรีย์ ออกมาคาดการณ์ว่า ยอดขาย iPhone จะลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว เนื่องจากกระแสความสนใจใน iPhone รุ่นล่าสุดค่อนข้างซบเซาในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ไอดีซีชี้ว่า การลดราคาและการออกโปรโมชันส่งเสริมการขายในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ช่วยแอปเปิ้ลลดผลกระทบจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากแบรนด์ท้องถิ่นของจีน โดยเฉพาะการหวนกลับมาของหัวเว่ย
ความสำเร็จในไตรมาสที่ 4/2566 นั้นส่วนใหญ่เป็นผลจากยอดขายที่ลดลงน้อยกว่าแบรนด์คู่แข่งรายอื่น ๆ โดยยอดขายที่ลดลง 2.2% ของแอปเปิ้ล ยังนับดีกว่าแบรนด์จีนอย่างออเนอร์ (Honor) และวีโว่ (Vivo) ซึ่งยอดขายร่วงลงสู่ระดับเลข 2 หลัก และมียอดจัดส่งโดยรวมลดลง 5%
รายงานของไอดีซีระบุว่า ในปี 2566 จีนมีปริมาณการขายสมาร์ตโฟนต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นผลมาเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ แต่อย่างไรก็ตาม การกลับมาอย่างน่าทึ่งของหัวเว่ย ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 ส่งผลให้หัวเว่ยกลับมาติด 5 อันดับแรกของแบรนด์สมาร์ตโฟนที่มียอดขายสูงสุดในช่วงเทศกาลวันหยุดในจีน โดยมียอดจัดส่งพุ่งขึ้น 36%
นายอาร์เธอร์ เกา นักวิเคราะห์การวิจัยของไอดีซี กล่าวว่า "การที่แอปเปิ้ลก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการแข่งขันครั้งใหม่จากหัวเว่ยและความต้องการใช้จ่ายเงินที่ซบเซาของผู้บริโภค นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ" พร้อมระบุเสริมว่า "ความสำเร็จของแอปเปิ้ลเกิดจากการออกโปรโมชันส่งเสริมการขายในร้านค้าปลีกต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลสโตร์ ซึ่งช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภค"
นอกจากจีนแล้ว แอปเปิ้ลยังครองตำแหน่งแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ขายดีที่สุดในโลกในปี 2566 อีกด้วย เนื่องจากยอดขาย iPhone ลดลงน้อยกว่ายอดขายสมาร์ตโฟนรุ่นยอดนิยมของซัมซุงอย่างซัมซุง กาแลคซี (Samsung Galaxy) อย่างไรก็ตาม iPhone 15 ก็ยังคงต้องเผชิญกับท้าทายในการรักษาอุปสงค์ในจีน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขาย iPhone ในจีนอาจจะลดลงอย่างต่อเนื่อง