ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 12% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) ส่งผลให้มูลค่าตลาดของเทสลาหายไปถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเตือนว่า การเติบโตของยอดขายของเทสลาจะชะลอตัวลงในปีนี้ แม้บริษัทได้ปรับลดราคารถไฟฟ้าลงหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
เทสลาเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 71 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 74 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.517 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.56 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยระบุถึงรายได้ในธุรกิจรถยนต์ที่อ่อนแอลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาขายที่ลดลงโดยเฉลี่ย หลังจากบริษัทได้ปรับลดราคารถยนต์ทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของเทสลาทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอลงและการแข่งขันที่ดุเดือดกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
ทั้งนี้ นายมัสก์กล่าวภายหลังจากที่เทสลาแถลงผลประกอบการเมื่อวันพุธ (24 ม.ค.) ว่า การเติบโตของยอดขายของเทสลามีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่เทสลากำลังมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ที่จะมีการผลิตที่โรงงานในรัฐเท็กซัสในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยปลุกกระแสความนิยมรถยนต์ราคาถูกและอาจทำให้ยอดการส่งมอบสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี นายมัสก์กล่าวว่า การเร่งผลิตรถยนต์รุ่นใหม่อาจเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่แน่นอนของเทสลาส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาดิ่งลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี และทำให้มูลค่าตลาดของเทสลาหายไปถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) และทำให้มูลค่าตลาดของเทสลาในเดือนม.ค.หายไปราว 2.10 แสนล้านดอลลาร์