เจ้าหน้าที่ด้านการค้าของสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) ว่า การโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงโดยฝีมือของกลุ่มกบฏฮูตีส่งผลให้การขนส่งสินค้าผ่านคลองสุเอซปรับตัวลดลง 42% นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นายยาน ฮอฟฟ์มันน์ หัวหน้าฝ่ายการอำนวยความสะดวกทางการค้าของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) กล่าวว่า การหยุดชะงักในทะเลแดงยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้กับการขนส่งทางทะเล ในขณะที่เส้นทางขนส่งผ่านทะเลดำได้รับผลกระทบจากสงครามยูเครน ส่วนคลองปานามาก็กำลังเผชิญวิกฤตระดับน้ำต่ำอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้ราคาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้น
"เรากังวลว่าเหตุโจมตีในทะเลแดงจะยิ่งซ้ำเติมการค้าโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่แล้ว การหยุดชะงักเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางของการค้าโลก" นายฮอฟฟ์มันน์แถลงต่อสื่อมวลชนผ่านทางวิดีโอจากนครเจนีวา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายฮอฟฟ์มันน์กล่าวว่า การขนส่งสินค้าทางทะเลคิดเป็นสัดส่วน 80% ของการค้าทั่วโลก และสัดส่วนนี้สูงขึ้นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งกำลังเผชิญกับค่าขนส่งทางทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น
อังค์ถัดระบุว่า วิกฤตในทะเลแดงส่งผลให้การขนส่งธัญพืชและสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญจากยุโรป รัสเซีย และยูเครน เกิดการหยุดชะงัก ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในราคาที่สูงขึ้น และเสี่ยงกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวสาลีจากยุโรปและบริเวณทะเลดำ