นายปีเตอร์ แปร์โนต์-เดย์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารเชิงกลยุทธ์ประจำอังกฤษและสหรัฐของชีอินระบุว่า หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ของชีอินมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่ขยายธุรกิจเข้าสู่สหรัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่การขยายตัวดังกล่าวจะแตกต่างกันตามแต่ละตลาด และมีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มคน Gen Z ซึ่งเกิดในช่วงปลายยุค 1990 ถึงต้นยุค 2000 และผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennial) อายุน้อย ซึ่งเกิดในช่วงต้นยุค 1980 จนถึงปลายยุค 1990
"พูดง่าย ๆ ก็คือ ผมไม่ได้มองว่าเราเป็นร่างโคลนของอะเมซอนแต่อย่างใด" นายแปร์โนต์-เดย์ กล่าวในการประชุม World Economic Forum ณ เมืองดาวอสของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ชีอินได้ขยายธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬาและของใช้ภายในบ้าน หลังจากที่ชนะใจนักชอปสหรัฐหลายล้านคนได้ในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด ด้วยผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าราคาถูกซึ่งมีให้เลือกอย่างไม่จำกัด
ดิ อินฟอร์เมชัน ซึ่งเป็นสื่อด้านเทคโนโลยีของสหรัฐระบุว่า หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าชีอินจะเบียดเข้ามาแทนที่คู่แข่งรุ่นใหญ่อย่าง เอชแอนด์เอ็ม (H&M) และอินดิเท็กซ์ (Inditex) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นซาร่า (Zara) ด้วยรายได้โดยประมาณที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566
นายแปร์โนต์-เดย์กล่าวว่า "จุดแข็งของเราคือการวัดประเมินและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า โดยความยืดหยุ่นเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถปรับแต่งการให้บริการให้เหมาะกับภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันได้ ดังนั้น หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์จึงมีความแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด แต่หัวใจสำคัญคือ การเปิดกว้างและตอบสนองต่อคน Gen Z และนักชอปกลุ่มมิลเลนเนียลที่มีอายุน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่นำไปสู่การเติบโต"