ซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศในวันนี้ (30 ม.ค.) ว่าซาอุดี อารามโคได้ระงับแผนเพิ่มขีดความสามารถการผลิตน้ำมันดิบจาก 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความไม่แน่ใจเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในอนาคต
ทั้งนี้ ซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุว่า กระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียได้สั่งให้บริษัทคงกำลังการผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (Maximum Sustainable Capacity - MSC) เอาไว้ที่ระดับปัจจุบัน หลังซาอุดี อารามโคได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นขีดความสามารถการผลิตสูงสุดสู่ 13 ล้านบาร์เรลต่อวันตามคำสั่งของกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียเมื่อเกือบ 4 ปีก่อนในเดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากเวลานั้นอุปสงค์จากจีนและอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีระบุว่า ซาอุดี อารามโคไม่ได้เปิดเผยเหตุผลที่กระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียสั่งระงับแผนดังกล่าว แต่ระบุว่าจะเปิดเผยการคาดการณ์การใช้จ่ายเงินทุนในช่วงประกาศผลประกอบการตลอดปี 2566 ในเดือนมี.ค.ปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันดิบประมาณ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการควบคุมผลผลิตตามแผนสนับสนุนตลาดน้ำมันโลกและป้องกันภาวะน้ำมันล้นตลาดของโอเปกพลัส
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของซาอุดี อารามโคมีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก เมื่อพิจารณาถึงความพยายามในการเปลี่ยนผ่านโลกไปสู่การยุติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งบั่นทอนการลงทุนระยะยาวในโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิล
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 101.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566 แต่ "ปรับลดตัวเลขการเติบโตสำหรับไตรมาส 4/2566 ลงเกือบ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยยุโรปคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของการปรับลดลงดังกล่าว"
"อุปสงค์น้ำมันโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องในปี 2567 โดยอุปสงค์น้ำมันโลกจะโตน้อยลงครึ่งหนึ่งสู่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจาก GDP ของประเทศใหญ่ ๆ ขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ"