มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทที่ทำธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) หายไปถึง 1.90 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย หลังจากบริษัทไมโครซอฟท์, อัลฟาเบท และแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้ง 3 บริษัทและหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ร่วงลงในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงเช้านี้
นักลงทุนทุบขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยี หลังจากอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2566 ส่งผลให้ราคาหุ้นอัลฟาเบทร่วงลงกว่า 6% ในช่วงเช้านี้
ขณะที่บริษัทไมโครซอฟท์เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าเพียงคาดเล็กน้อยในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 และยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งได้ฉุดราคาหุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลงกว่า 2%
ส่วนราคาหุ้น AMD ดิ่งลง 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ในไตรมาส 1/2567 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่อ่อนแอของทั้ง 3 บริษัทได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ดิ่งลงในช่วงเช้านี้ด้วย โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลงกว่า 2% ขณะที่หุ้นซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ ร่วงลงกว่า 3%
ไมโครซอฟท์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นและรายได้ในไตรมาส 2/2567 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2567 จะอยู่ที่ 6.0-6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ราว 6.050 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.093 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัทอัลฟาเบทเปิดเผยรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์ ขณะที่นายซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอของอัลฟาเบทกล่าวว่า อัลฟาเบทยังคงมุ่งเน้นการลงทุนใน AI และนำเครื่องมือ Generative AI รุ่นใหม่มาใช้ในผลิตภัณฑ์หลักของกูเกิล ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น บริษัทจะต้องปรับลดตำแหน่งงานในธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่า อัลฟาเบทอาจจะมีการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่ได้ปลดพนักงานออกไปแล้วจำนวน 12,000 ตำแหน่งในปี 2566