ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยหอการค้าอเมริกันในประเทศจีน (AmCham China) ระบุว่า บริษัทสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจในจีนมีมุมมองในเชิงบวกมากขึ้นต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในระยะสั้น แม้ว่าบริษัทหลายแห่งยังคงระงับการลงทุนก็ตาม
ผลสำรวจซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (1 ก.พ.) ระบุว่า บริษัทสหรัฐที่ตอบแบบสำรวจประมาณ 40% มีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทในช่วงสองปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 33% ในปีก่อนหน้า ขณะที่ 44% มีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม 43% ของบริษัทที่เป็นสมาชิกหอการค้าอเมริกันในประเทศจีนระบุว่า บริษัทไม่ได้วางแผนที่จะขยายการลงทุนในปีนี้ ขณะที่ 5% วางแผนที่จะลดการใช้จ่าย
มุมมองเชิงบวกของบริษัทสหรัฐนั้นขัดแย้งอย่างมากกับภาวะซบเซาในตลาดและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก โดยเมื่อวันพุธ (31 ม.ค.) จีนได้เปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนม.ค.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มุมมองเชิงบวกนั้นอาจเป็นผลมาจากการที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐดีขึ้น จนนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่แคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนั้นทั้งสองประเทศยังมีการหารือกันที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมกันปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเฟนทานิล
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนี้แตกต่างจากผลสำรวจของประเทศอื่น ๆ ซึ่งมีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจจีนมากกว่า โดยผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยหอการค้าเยอรมนีในประเทศจีนพบว่า บริษัทที่ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับช่วงขาลง