นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนต่อเนื่องจนถึงปี 2567 เนื่องจากมีความกังวลว่ารัฐบาลจีนไม่ได้ใช้มาตรการที่แข็งแกร่งพอในการสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
ข้อมูลที่รวบรวมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนในเดือนม.ค.เป็นมูลค่าสุทธิ 1.45 หมื่นล้านหยวน (2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านทางโครงการเชื่อมโยงการซื้อขายกับตลาดหุ้นฮ่องกง
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้ยอดรวมการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.01 แสนล้านหยวน
สำหรับปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลนั้น รวมถึงวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน, การที่รัฐบาลจีนไม่ได้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความกังวลที่ว่าปัญหาที่ลุกลามจากตลาดตราสารหนี้ได้สกัดเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาด A-share ของจีนนับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านล้านหยวน
ส่วนวิกฤตการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนนั้น มาจากการที่ศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ยุติกิจการและขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ที่มีมูลค่าสูงถึง 2.39 ล้านล้านหยวน (3.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)