คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันความผันผวนอย่างผิดปกติของตลาดหุ้น หลังจากตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี อย่างไรก็ดี CSRC ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า CSRC ยืนยันว่าจะดำเนินการกวาดล้างการทำ Short Selling หรือขายชอร์ตหุ้น รวมทั้งจะดึงดูดเม็ดเงินของสู่ตลาดหุ้นจีนในระยะยาว และรับฟังความคิดเห็นของบรรดานักลงทุน
ดัชนี CSI300 Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบลูชิพในตลาดหุ้นจีนร่วงลงเกือบ 5% ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2562 เนื่องจากเกิดแรงเทขายอย่างตื่นตระหนก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ยุติกิจการและขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่สูงถึง 3.33 แสนล้านดอลลาร์
การที่ตลาดหุ้นจีนถูกกระหน่ำขายอย่างหนักทำให้นักลงทุนจีนจำนวนมากได้แสดงความผิดหวังและความไม่พอใจผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งรวมถึงบล็อกของสถานทูตสหรัฐในกรุงปักกิ่ง
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนต่อเนื่องจนถึงปี 2567 เนื่องจากมีความกังวลว่ารัฐบาลจีนไม่ได้ใช้มาตรการที่แข็งแกร่งพอในการสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
ข้อมูลที่รวบรวมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนในเดือนม.ค.เป็นมูลค่าสุทธิ 1.45 หมื่นล้านหยวน (2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านทางโครงการเชื่อมโยงการซื้อขายกับตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งเป็นการเทขายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลนั้น รวมถึงวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน, การที่รัฐบาลจีนไม่ได้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความกังวลที่ว่าปัญหาที่ลุกลามจากตลาดตราสารหนี้ได้สกัดเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาด A-share ของจีนนับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านล้านหยวน