ดีบีเอส กรุ๊ป (DBS Group) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์สำหรับตลอดทั้งปี 2566 แต่ลดค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดปัญหาบริการธนาคารออนไลน์ล่มหลายครั้ง
ทั้งนี้ ดีบีเอสระบุว่า นายปิยุช กุปต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีบีเอสถูกลดค่าตอบแทนมากที่สุด โดยได้ค่าตอบแทนลดลง 30% ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่า 4.14 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (3.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำหรับตลอดทั้งปี 2566 ดีบีเอสมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 26% สู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เทียบกับ 8.19 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2565
ขณะเดียวกัน ดีบีเอสรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 สูงเหนือความคาดหมายที่ 2.39 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้าที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) แสดงให้เห็นว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 2.37 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในไตรมาส 4/2566
ดีบีเอสเป็น 1 ใน 3 ธนาคารใหญ่ของสิงคโปร์ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2566 และคงคาดการณ์รายได้ดอกเบี้ยสุทธิสำหรับปี 2567 เอาไว้ที่ระดับเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว
"แม้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียดต่อเนื่อง แต่จุดแข็งของธุรกิจเราจะช่วยรักษาผลประกอบการของเราเอาไว้ได้ในปีนี้" นายกุปตาระบุ
ในเดือนมี.ค. 2566 บริการดิจิทัลของดีบีเอสประสบปัญหาล่มเป็นเวลา 10 ชั่วโมง โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารออนไลน์หรือซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ได้ ขณะที่ ในเวลาต่อมา ธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุว่า การล่มดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และดีบีเอสทำให้ผิดหวัง