นักลงทุนชาวจีนและบรรดาเจ้าหนี้ของพวกเขากำลังติดป้ายขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองอยู่ทั่วโลก เนื่องจากความจำเป็นในการระดมเงินสดท่ามกลางวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในจีนนั้น สำคัญกว่าความเสี่ยงของการขายอสังหาริมทรัพย์สู่ตลาดที่กำลังตกต่ำ โดยราคาที่พวกเขาได้รับจะช่วยระบุตัวเลขว่าอุตสาหกรรมในวงกว้างนั้นกำลังประสบปัญหามากเพียงใด
แบร์รี สเติร์นลิชต์ ประธานกลุ่มสตาร์วูด แคปิตอลกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ภาวะตกต่ำทั่วโลกอันเกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ทำลายมูลค่าทรัพย์สินเฉพาะสำนักงานเพียงอย่างเดียวไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความเสียหายทั้งหมดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เนื่องจากมีการขายทรัพย์สินไปเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ผู้ประเมินมีข้อมูลล่าสุดเพียงเล็กน้อย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อตกลงด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่เสร็จสมบูรณ์ทั่วโลกนั้นร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีในปีที่แล้ว โดยที่เจ้าของไม่เต็มใจที่จะขายทรัพย์สินด้วยส่วนลดราคาลงอย่างรุนแรง
หน่วยงานกำกับดูแลและตลาดรู้สึกกังวลที่อาจจะมีการปกปิดการขาดทุนที่ยังไม่รับรู้ ทำให้เกิดปัญหากับเจ้าของสินทรัพย์ และธนาคารที่ผลักดันให้มีการกู้ยืมในยุคดอกเบี้ยต่ำ
หุ้นนิวยอร์ก คอมมิวนิตี แบงคอร์ป ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 27 ปีเมื่อวันอังคาร (6 ก.พ.) หลังประกาศปรับลดเงินปันผลและเพิ่มทุนสำรอง ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งมาจากการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหา
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) วิตกว่า ธนาคารในยุโรปดำเนินการล่าช้าเกินไปในการปรับลดมูลค่าเงินกู้ และสำนักงานควบคุมด้านการเงินของอังกฤษจะต้องทำการทบทวนมูลค่าในตลาดเอกชน รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์