นายเบซาเลล สโมตริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อิสราเอลไม่ให้ความสนใจต่อกรณีที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล พร้อมกับกล่าวว่า การที่มูดี้ส์นำประเด็นสงครามในฉนวนกาซามาใช้เป็นเหตุผลในการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลนั้น ถือเป็นการประเมินโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
"เศรษฐกิจอิสราเอลยังคงมีความแข็งแกร่งเมื่อพิจารณาจากมาตรวัดในทุก ๆ ด้าน และอิสราเอลมีฐานเงินทุนมากเพียงพอในการทำสงคราม และเราเชื่อว่าจะบรรลุเป้าหมายในศึกครั้งนี้" นายสโมตริชกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ มูดี้ส์ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A1 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่รุนแรงและไม่คาดคิดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์
"ความขัดแย้งทางทหารในครั้งนี้กำลังทำให้อิสราเอลมีความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์เพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเป็นเวลานานและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของอิสราเอลอย่างเป็นรูปธรรม" มูดี้ส์ระบุในรายงาน
มูดี้ส์เปิดเผยว่า อิสราเอลได้ใช้จ่ายเงินด้านกลาโหมประมาณ 4.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และคาดว่าอิสราเอลจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเมื่อพิจารณาจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ทั้งนี้ มูดี้ส์เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล หากความขัดแย้งทางทหารในปัจจุบันทำให้สถาบันต่าง ๆ ของอิสราเอลมีความอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ