หุ้นที่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังบิตคอยน์พุ่งขึ้นใกล้ทะลุระดับ 50,000 ดอลลาร์ในวันนี้
ทั้งนี้ ราคาหุ้น Coinbase พุ่งขึ้นกว่า 5%, Microstrategy ทะยานเกือบ 10% ขณะที่ CleanSpark และ Iris Energy ดีดตัวขึ้น 16% และ 18% ตามลำดับ ส่วน Riot Platforms และ Marathon Digital ซึ่งเป็นบริษัทขุดบิตคอยน์รายใหญ่ บวก 11% และ 14%
บิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดใกล้แตะระดับ 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1,800,000 บาท ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในการซื้อขายวันนี้ ขณะที่กระแสเงินทุนยังคงหลั่งไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF ของสหรัฐ
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้น 3% สู่ระดับ 49,692.10 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coin Metrics ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 หลังจากทะยานสู่ระดับ 49,998.57 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
สัญญาณทางเทคนิคของ Fibonacci และ Stochastic RSI บ่งชี้ว่า หากบิตคอยน์พุ่งทะลุ 50,000 ดอลลาร์ ก็จะทะยานขึ้นแตะระดับ 57,000 ดอลลาร์ภายในไม่กี่สัปดาห์
เม็ดเงินยังคงไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ม.ค.
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระแสเงินทุนราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ได้หลั่งไหลเข้าสู่ Spot Bitcoin ETF และหากนับตั้งแต่เปิดตัวกองทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ก็พบว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่า การอนุมัติ Spot Bitcoin ETF จะดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และจะทำให้มีเม็ดเงินราว 50,000-100,000 ล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่บิตคอยน์ในปีนี้ ซึ่งจะหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปี 2568
หากคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง บิตคอยน์จะทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยบวกจากปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเม.ย. รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในปีที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเพียง 24%