นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ของญี่ปุ่นซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ (15 ก.พ.) จะเป็นหลักฐานยืนยันว่า สถานะทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นหล่นลงไปอยู่ที่อันดับ 4 ของโลกในปี 2566 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและปัญหาประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวรายปีของ GDP ญี่ปุ่นในไตรมาส 4/2566 จะอยู่ที่ 1.2% หลังจากที่หดตัวลง 2.9% ในไตรมาส 3/2566 แต่มูลค่าของ GDP ญี่ปุ่นยังคงล้าหลังเยอรมนี เมื่อพิจารณามูลค่าในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าญี่ปุ่นและเยอรมนีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โดยทั่วไปแล้ว หากประเทศที่เคยขึ้นอันดับ 1 ในฐานะประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้หล่นลงจากสถานะดังกล่าวในเวลาต่อมา จะส่งผลให้ตลาดเกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น
ฮิเดโอะ คุมาโนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันไดอิจิ ไลฟ์ รีเสิร์ช อินสติติวท์ (Dai-Ichi Life Research Institute) กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงคือความเคลื่อนไหวของเงินเยน โดยหากเงินเยนมีราคาถูกก็จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีขนาดเล็กลงไปด้วย ขณะนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้กลายเป็นผู้พ่ายแพ้เพียงหนึ่งเดียวของโลก และตามหลังเยอรมนีอยู่มาก"
ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นลดลงสู่ระดับราว 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2566 จากระดับ 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2555
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดประมาณการตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2566 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าหดตัว 2.1% เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการอุปโภคบริโภคที่อ่อนแอเกินคาด และการชะลอตัวของการส่งออก