นายฟิลลิป สวาเกล ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณสภาคองเกรส (CBO) เตือนว่า หนี้สินของสหรัฐและค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยนั้น อาจจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
"ค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะบั่นทอนประสิทธิของรัฐบาลในการนำทรัพยากรมาใช้ และจะส่งผลให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า" นายสวาเกลเตือนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.)
ถ้อยแถลงของนายสวาเกลถือเป็นส่วนสำคัญของรายงานครึ่งปีว่าด้วยเศรษฐกิจและงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐที่นำเสนอโดย CBO โดยรายงานของ CBO ระบุว่า ยอดขาดดุลงบประมาณรายปีของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า และคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ 2577
นอกจากนี้ รายงานของ CBO ยังคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยสุทธิที่เป็นเปอร์เซ็นต์ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะพุ่งขึ้นแซงหน้าการใช้จ่ายนอกหมวดกลาโหมในปี 2567 และจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.9% ภายในระยะเวลา 10 ปี
นายสวาเกลกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงประกอบกับจำนวนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นนั้น ล้วนแล้วแต่จะส่งผลให้หนี้สินของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าหนี้สินของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 116% ของ GDP ภายในปี 2577
"ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันนั้น ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะจ่ายผลประโยชน์ด้านประกันสังคมตามที่ระบุไว้ในสัญญา" นายสวาเกลกล่าว
นายสวาเกลยังกล่าวด้วยว่า "รายงานล่าสุดที่มีการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้พบว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้อพยพจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ผู้อพยพจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของเรา โดยเมื่อการจ้างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้ของเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ผลผลิตของเราจะสูงขึ้น และท้ายที่สุดแล้วจะทำให้รายได้จากภาษีปรับตัวสูงขึ้น" นายสวาเกลกล่าว
รายงานของ CBO ระบุว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า การเพิ่มขึ้นของผู้อพยพจะช่วยผลักดันมูลค่า GDP ของสหรัฐให้เติบโตขึ้นราว 7 ล้านล้านดอลลาร์ และจะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 1 ล้านล้านดอลลาร์