สื่อท้องถิ่นนำเสนองานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งอาร์เจนตินา (UCA) เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) โดยระบุว่า ระดับความยากจนในอาร์เจนตินาพุ่งแตะ 57.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 20 ปี
รายงานระบุว่า ระดับความยากจนดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นจาก 49.5% เมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้วนั้น มีสาเหตุมาจากการลดค่าเงินเปโซที่ดำเนินการโดยประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเล ผู้นำอาร์เจนตินาสายอิสรนิยม (Libertarianism) หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนธ.ค.ได้ไม่นาน ซึ่งทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ ดีดตัวขึ้น
ปธน.มิเลโพสต์ลงโซเชียลมีเดียเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 ก.พ.) ว่า "นี่แหละมรดกตกทอดที่แท้จริงจากพวกอภิสิทธิ์ชน คนอาร์เจนตินา 6 ใน 10 กลายเป็นคนจนไปแล้ว"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายมิเลเข้ารับตำแหน่งปธน.โดยให้สัญญาว่าจะเปลี่ยนประเทศให้หันมาใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แก้ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงทะลุ 200% ต่อปี ขจัดการขาดดุลทางการคลัง และหยุดเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองตระกูลใหญ่ ๆ ที่ปธน.มิเลเรียกว่าเป็น "พวกอภิสิทธิ์ชน"
เมื่อเดือนธ.ค. รัฐบาลมิเลได้ออกชุดมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยมาตรการหลักคือประกาศลดค่าเงินเปโซไป 54% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้รายได้ของชาวอาร์เจนตินาทรุดฮวบทันทีจากราคาสินค้าที่พุ่งพรวด
มาตรการอื่น ๆ ได้แก่ การตัดเงินอุดหนุนด้านพลังงานและการขนส่ง พร้อมขึ้นภาษีเพื่อหวังให้การคลังเป็นแบบสมดุล
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (16 ก.พ.) กระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินาเปิดเผยว่า งบประมาณเดือนม.ค.เกินดุลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2555 โดยอยู่ที่ 5.1841 แสนล้านเปโซ (620.85 ล้านดอลลาร์