อินโดนีเซียกำลังพิจารณาเสนอแรงจูงใจพิเศษเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงดนตรี การแข่งขันกีฬา และกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ในประเทศให้มากขึ้น เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยว และทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศนานขึ้น โดยยกตัวอย่างกรณีที่สิงคโปร์ดึงศิลปินระดับโลกมาเปิดคอนเสิร์ตจนเงินสะพัดทั่วประเทศ
"เราจำเป็นต้องมีสวิฟโตโนมิกส์ (Swiftonomics) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอินโดนีเซีย" นายซานเดียกา ซาลาฮุดดิน อูโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซีย กล่าว โดยยกตัวอย่างถึงสิงคโปร์ ที่จะจัดคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ (Tayor Swift) ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากในภูมิภาคให้เดินทางเข้าสิงคโปร์เพื่อชมคอนเสิร์ต พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอินโดนีเซียได้จัดตั้งกองทุนการท่องเที่ยวมูลค่า 1 ล้านล้านรูเปียห์ (64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อส่งเสริมการจัดอีเวนต์ในลักษณะนี้
อนึ่ง Swiftonomics คือคำเรียกอิทธิพลของเทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก โดย Eras Tour ซึ่งเป็นทัวร์คอนเสิร์ตล่าสุดของเธอ ขึ้นแท่นคอนเสิร์ตที่ทำเงินได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุก ๆ เมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม ร้านเสื้อผ้า และธุรกิจอื่น ๆ ต่างคึกคักจากการใช้จ่ายของแฟน ๆ ที่ไปชมคอนเสิร์ต นอกจากนี้ยังได้กระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์ในเดือนม.ค. 2566
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วางแผนยกเว้นข้อกำหนดวีซ่าเข้าประเทศสำหรับพลเมืองหลายสัญชาติด้วยกัน และปรับปรุงขั้นตอนการขอจัดอีเวนต์ต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังตั้งข้อกำหนดการเก็บภาษีนักเที่ยวใหม่ในบาหลีโดยเฉพาะ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อระดมทุนไปใช้ปกป้องบาหลีจากผลกระทบในแง่ลบของการท่องเที่ยว
มาตรการเหล่านี้ได้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศมากถึง 1.1 ล้านคนในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
"ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปลี่ยนแปลงด้านการท่องเที่ยวที่เรากำลังทำอยู่นั้น จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในปีหน้า" นายอูโน กล่าวในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งดำเนินไปอย่างสงบ อาจเป็นตัวช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนมากขึ้น หลังจากที่ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการบ่งชี้ว่า นายปราโบโว ซูเบียนโต จะขึ้นเป็นผู้นำประเทศอินโดนีเซียคนต่อไป