ดอยซ์แบงก์เปิดเผยรายงานวิจัยฉบับล่าสุดระบุว่า ขณะนี้กำไรและมาร์เก็ตแคปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ 7 แห่งของสหรัฐหรือ "Magnificent Seven" ซึ่งได้แก่ไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, อัลฟาเบท, อะเมซอน, เทสลา, เมตา แพลตฟอร์มส์ และอินวิเดียนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในเกือบทุกประเทศของกลุ่ม G20
รายงานของดอยซ์แบงก์ยังระบุด้วยว่า มาร์เก็ตแคปของบริษัทเทคโนโลยีทั้ง 7 แห่งดังกล่าวรวมกันนั้น อาจจะทำให้บริษัทเหล่านี้กลายเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีมาร์เก็ตแคปสูงกว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึง 2 เท่า โดยขณะนี้มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก
ทางด้านบริษัทเอเวลีน พาร์ทเนอร์ส (Evelyn Partners) ได้ออกรายงานวิจัยซึ่งระบุว่า นอกเหนือจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้ง 7 แห่งของสหรัฐแล้ว หุ้นกลุ่มอื่น ๆ ในตลาดหุ้นสหรัฐยังมีโอกาสเติบโตในปีนี้เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
"แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น แต่ยอดขายและรายได้ของบริษัทสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทเหล่านี้สามารถรับมือกับภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงและสามารถควบคุมต้นทุนได้ ขณะที่ภาคครัวเรือนของสหรัฐก็มีเงินออมในระดับสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด นอกจากนี้ ตลาดแรงงานของสหรัฐยังมีความแข็งแกร่ง โดยมีการจ้างงานเกือบ 3 ล้านตำแหน่งในช่วงปี 2566" ดาเนียล คาซาลี นักวิเคราะห์ของเอเวลีน พาร์ทเนอร์สกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
คาซาลีกล่าวว่า "นอกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว ภาคธุรกิจของสหรัฐยังได้ปัจจัยหนุนจากกำไรที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทต่าง ๆ มีกลยุทธ์ในการปรับขึ้นราคาสินค้าและการบริการอย่างชาญฉลาด"
ที่ผ่านมานั้น นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven อย่างใกล้ชิด เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทกลุ่มนี้เป็นแรงขับเคลื่อนตลาด
อัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ 1.59 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากธุรกิจกูเกิลคลาวด์ (Google Cloud) อยู่ที่ 9.19 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.94 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่เมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 5.33 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.96 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันเมตาคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 1/2567 จะอยู่ในช่วง 3.45-3.70 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.38 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัทแอปเปิ้ลเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2567 อยู่ที่ 2.18 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.10 ดอลลาร์ ขณะที่ลูกา เมสทรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (ซีเอฟโอ) ของแอปเปิ้ลคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 2/2567 จะอยู่ที่ระดับ 5.133 หมื่นล้านดอลลาร์