ไนจีเรียกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี หลังเงินเฟ้อรายปีพุ่งขึ้นเกือบ 30% และค่าเงินร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้ประชาชนทั่วประเทศไม่พอใจและออกมาชุมนุมประท้วง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สกุลเงินไนราของไนจีเรียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐทั้งในตลาดอย่างเป็นทางการของไนจีเรียและตลาดปริวรรตเงินตราคู่ขนานในวันจันทร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยร่วงลงสู่เกือบ 1,600 ไนราต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดอย่างเป็นทางการของไนจีเรีย จากประมาณ 900 ไนราในช่วงต้นปีนี้
สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า ประธานาธิบดีโบลา ตินูบู แห่งไนจีเรีย ประกาศเมื่อวันอังคาร (20 ก.พ.) ว่า รัฐบาลกลางไนจีเรียวางแผนจะระดมเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อส่งเสริมสภาพคล่องด้านปริวรรตเงินตราและสร้างเสถียรภาพให้กับค่าเงินไนรา
สกุลเงินไนราอ่อนค่าลงประมาณ 70% นับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 ซึ่งเวลานั้นปธน.ตินูบูเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไนจีเรีย โดยต้องมารับไม้ต่อในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญปัญหาและให้สัญญาเรื่องการปฏิรูปเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจประเทศ
"ค่าเงินที่อ่อนแอลงจะเพิ่มเงินเฟ้อจากการนำเข้าสินค้า ซึ่งจะทำให้แรงกดดันทางราคาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น" นายปีเตอร์ สครีแบนเต นักเศรษฐศาสตร์การเมืองระดับอาวุโสของอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ระบุในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ไนจีเรียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา และมีประชากรมากกว่า 210 ล้านราย แต่ต้องพึ่งพาการนำเข้าอย่างมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
"รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงที่หดตัวลงและแรงกดดันด้านค่าครองชีพที่รุนแรงยิ่งขึ้นจะยังคงเป็นเรื่องน่าวิตกกังวลตลอดปี 2567 ซึ่งจะบั่นทอนการใช้จ่ายผู้บริโภคและการเติบโตของภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น" นายสครีแบนเต กล่าวเสริม