นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เชื่อว่าการเติบโตของเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์จากบริษัทต่าง ๆ เช่น โอเพนเอไอ (OpenAI) เป็นของจริง แม้หลายฝ่ายจะยังกังวลก็ตาม
นายไดมอน กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันจันทร์ (26 ก.พ.) ว่า AI ไม่ใช่แค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป และเป็นเรื่องใหญ่กว่าแค่การเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง แชตจีพีที (ChatGPT) โดยเขาได้เปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกับช่วงเวลาที่เกิดภาวะฟองสบู่ดอตคอม (Dot-com bubble) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนตื่นเต้นเกินกว่าการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ที่เกิดขึ้น ว่า "นี่ไม่ใช่แค่กระแสนิยม แต่มันเป็นของจริง โดยสมัยที่เกิดภาวะฟองสบู่ดอตคอมนั้น ... นั่นเป็นแค่กระแสนิยม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันเป็นของจริง" โดยทุกวันนี้มีผู้นำ AI มาใช้งานในความเร็วที่แตกต่างกันออกไป แต่ในท้ายที่สุดแล้ว AI จะเข้ามาจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้มากมาย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เจพีมอร์แกนได้เริ่มสำรวจช่องทางในการนำ AI มาใช้ภายในองค์กรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายไดมอนระบุว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในแทบทุกตำแหน่งในท้ายที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังสร้างตำแหน่งใหม่อย่างประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลและการวิเคราะห์เมื่อปีที่แล้วโดยมีเป้าหมายส่วนหนึ่งเพื่อการจัดการกับ AI อีกด้วย
นายไดมอนกล่าวเมื่อวันจันทร์ (26 ก.พ.) ว่า ขณะนี้มีพนักงานเจพีมอร์แกน 200 คนกำลังศึกษาเกี่ยวกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ เพิ่งเปิดตัวขึ้นด้วย
แม้จะยอมรับว่า AI สามารถถูกนำมาใช้งานโดยผู้ไม่หวังดีได้ แต่นายไดมอนมองเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่นี้ในทางที่ดี โดยชี้ว่า AI สามารถเข้ามามีส่วนช่วยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการวิจัยด้านเภสัชกรรมได้
นายไดมอนกล่าวว่า "AI อาจคิดค้นยารักษามะเร็งได้ เนื่องจาก AI ทำหลายสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจทำได้"