แคปิตอล เอ (Capital A) บริษัทแม่ของสายการบินแอร์เอเชีย (AirAisia) รายงานผลขาดทุนในไตรมาส 4 ของปี 2566 (ต.ค.-ธ.ค.) เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าต้นทุนในการดำเนินธุรกิจและการเงินเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รายงานผลกำไรตลอดทั้งปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 159.6 ล้านริงกิต (33.66 ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบกับผลกำไร 109.9 ล้านริงกิตในปีก่อนหน้า เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงเครื่องบินที่สูงขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นของแคปิตอล เอ ร่วงลง 3.5% สู่ระดับ 0.69 ริงกิตต่อหุ้น ในช่วงปิดตลาด
ค่าเชื้อเพลิงเครื่องบินเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.96 พันล้านริงกิต จากระดับ 963.27 ล้านริงกิต ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลงอะไหล่เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า จาก 177.90 ล้านริงกิต สู่ระดับ 862.41 ล้านริงกิต
รายงานระบุว่า การเดินทางทางอากาศมีราคาสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสายการบินทั่วโลก
ทั้งนี้ แคปิตอล เอ กำลังเตรียมนำบริษัทย่อยซึ่งถือสิทธิ์ในแบรนด์แอร์เอเชียเข้าจดทะเบียนในดัชนี NASDAQ โดยวางแผนดำเนินการหลังเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการกับบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมเงินจากนักลงทุน (SPAC) นอกจากนี้ บริษัทกำลังรวบรวมแบรนด์สายการบินระยะไกลและระยะสั้นไว้ภายใต้แบรนด์เดียว