หุ้นเทสลาปิดตลาดปรับตัวลดลงถึง 7.16% ซึ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. โดยได้รับแรงกดดันจากยอดส่งมอบยานยนต์ที่ชะลอตัวลงในจีน และการประกาศลดราคาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาท้าทายที่เทสลากำลังเผชิญในตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน
สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) เปิดเผยว่า โรงงานกิกะแฟคทอรีในเซี่ยงไฮ้ของเทสลา ได้ส่งมอบรถยนต์ EV จำนวน 60,365 คันในเดือนก.พ. ซึ่งลดลง 16% เมื่อเทียบรายเดือน และลดลง 19% เมื่อเทียบรายปี ทั้งยังเป็นยอดส่งมอบที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดส่งมอบรถเทสลาที่ลดลงนั้นอาจเป็นเพราะจีนหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งกินเวลานานเกือบ 2 สัปดาห์ในเดือนก.พ. ของปีนี้ โดยปกติแล้ว วันหยุดยาวจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและยอดขายซบเซา นอกจากนี้ เทสลามักเร่งส่งออกรถยนต์ให้ลูกค้านอกประเทศจีนในช่วงเดือนแรก ๆ ของไตรมาสแรก จากนั้นค่อยมาส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าในจีนในช่วงท้ายไตรมาส
อย่างไรก็ตาม ยอดส่งมอบดังกล่าวที่แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปีสร้างความกังวลให้กับบริษัท ซึ่งมองว่าจีนเป็นตลาดยานยนต์ที่มีการขยายตัวอย่างมาก แม้แต่บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีน ซึ่งครองตลาดในประเทศ และมียอดขายรถยนต์ EV แซงหน้าเทสลาในไตรมาสที่ 4/2566 ก็มียอดขายในเดือนก.พ.ลดลงแตะ 122,311 คัน จาก 193,655 คัน หรือลดลง 37%
ปัจจุบัน จีนมียอดขายรถยนต์ EV มากที่สุดในโลก แต่อุปสงค์รถยนต์ EV ที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมาทำให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องลงสนามแข่งขันด้านราคาอย่างดุเดือดอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงเทสลาเช่นกัน
เอ็มมานูเอล รอสเนอร์ นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยซ์แบงก์ เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) ว่า เทสลาได้เสนอลดราคาลงประมาณ 4,800 ดอลลาร์ให้กับลูกค้าในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ซื้อรถยนต์รุ่นโมเดล 3 และรุ่นโมเดล Y ที่มีอยู่เดิมในคลังภายในสิ้นเดือนมี.ค. ทั้งยังเสนอส่วนลดประกันภัย ส่วนลดสำหรับการเปลี่ยนสีตัวรถ รวมถึงแผนทางการเงินพิเศษสำหรับรถรุ่นโมเดล Y แม้เทสลาได้ปรับลดราคาไปแล้วก่อนหน้านี้