หุ้นเทสลาปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (6 มี.ค.) หลังจากที่นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดเป้าราคาหุ้นของเทสลา โดยให้เหตุผลว่าอุปสงค์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องในตลาดสำคัญต่าง ๆ เช่น จีน แม้ว่าจะมีการปรับลดราคาขายลงอย่างมากก็ตาม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มุมมองของนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ สอดคล้องกับนักวิเคราะห์รายอื่น ๆ ที่ปรับลดคาดการณ์การส่งมอบรถ EV ของเทสลา หลังยอดขายตกต่ำในจีนเมื่อเดือนก.พ.ได้ก่อให้ความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตที่กำลังชะลอตัวและการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้น
"ตลาดรถ EV จีนนั้นมีอุปทานมากเกินไป ส่งผลให้ต้องแข่งกันตัดราคาขาย" นายอดัม โจนาส นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุ พร้อมกับคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตรถ EV จะแข่งขันกันตัดราคาขายอย่างต่อเนื่องในปีนี้
"แม้เทสลาอาจได้ชื่อว่าเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดในโลก แต่ในด้านผลิตภัณฑ์อาจล้าหลังที่สุดในกลุ่ม OEM รายใหญ่ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เปิดตัวตั้งแต่ก่อนโควิดระบาด" นายโจนาสระบุ
ทั้งนี้ นายโจนาสได้ลดเป้าราคาหุ้นเทสลาเหลือ 320 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น จาก 345 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ขณะที่หุ้นเทสลาลดช่วงลบในเวลาต่อมา และซื้อขายที่ลบ 1.3% สู่ระดับ 178.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น โดยหุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 11% แล้วในสัปดาห์นี้ ซึ่งฉุดมูลค่าตลาดของเทสลามากกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ