กลุ่มนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ระบุว่า ราคาทองคำโลกที่พุ่งสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์อาจทำให้ความต้องการทองคำลดลงสำหรับฤดูกาลแต่งงานในอินเดีย แต่อุปสงค์ทองคำในจีนจะแข็งแกร่งขึ้นในปีนี้ ซึ่งจีนเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกและซื้อทองคำในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อุปสงค์ทองคำจากจีนและอินเดียรวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของอุปสงค์ทองคำทั้งหมดทั่วโลก
ราคาทองคำสปอตแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2,164.09 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ในวันพฤหัสบดี (7 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งหนุนให้นักลงทุนสนใจเข้าซื้อทองคำมากขึ้น โดยทองคำไม่มีผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับสินทรัพย์คู่แข่งอื่น ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำในอินเดียปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 65,587 รูปีต่อ 10 กรัม โดยอินเดียเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลกและผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่
รายงานระบุว่า ราคาทองคำในอินเดียที่พุ่งสูงขึ้นฉุดให้อุปสงค์ลดลง ซึ่งทำให้บรรดาตัวแทนจำหน่ายทองคำเสนอลดราคาทองคำลงประมาณ 14 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์จากราคาภายในประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับรวมภาษีนำเข้า 15% และภาษีขาย 3% เมื่อเทียบกับระดับราคาในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งสูงกว่าราคาอย่างเป็นทางการ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
"ผู้บริโภคจะไม่ซื้อทองคำที่ราคาปัจจุบัน โดยหากราคาทองคำยังแพงเช่นนี้ต่อไปก็จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในช่วงฤดูกาลแต่งงาน" นายปฤถวีราชา โคธารี ประธานสมาคมทองคำแท่งและอัญมณีอินเดียจำกัด (India Bullion and Jewellers Association Ltd) กล่าว
ส่วนในจีนนั้น ตัวแทนจำหน่ายทองคำลดค่าพรีเมียมลงสู่ระดับ 25-36 ดอลลาร์สหรัฐจากราคาอ้างอิง เทียบกับ 36-48 ดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เทรดเดอร์ระบุว่า อุปสงค์โดยรวมยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2567
"แม้ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นหนุนให้เกิดการนำทองคำออกขายบางส่วน แต่อุปสงค์จะยังเพิ่มขึ้นเพราะเมื่อเวลาผ่านไปสักพักประชาชนจะเริ่มคุ้นชินกับราคาที่ระดับดังกล่าว โดยเฉพาะกับอุปสงค์เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย" นายปีเตอร์ ฟง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของบริษัทวิง ฟง พรีเชียส เมทัลส์ในฮ่องกงระบุ