บีพี (BP) บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ร่วมกับทางการเวเนซุเอลา ประกาศยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) ว่า กำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับรัฐบาลตรินิแดดและโตเบโก ในโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซนอกชายฝั่งร่วมกันในทะเลแคริบเบียน
บีพีตั้งเป้าที่จะเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติในตรินิแดดและโตเบโก เพื่อผลิตก๊าซป้อนโรงงานแอตแลนติก แอลเอ็นจี (Atlantic LNG) ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นโรงงานสำหรับการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี (LNG)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตก๊าซของบีพี ลดลงเกือบ 1 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยลดลงจากมากกว่าระดับ 2.2 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สู่ระดับ 1.2 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
บีพีระบุในแถลงการณ์ว่า "บีพีขอยืนยันว่ากำลังอยู่ในระหว่างหารือกับรัฐบาลตรินิแดดและโตเบโกและสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการพัฒนาทรัพยากรก๊าซในพื้นที่แหล่งก๊าซมานาคิน-โคกีนา"
ด้านเปโตรเลออส เด เวเนซุเอลา เอส.เอ. (Petroleos de Venezuela) หรือ PDVSA ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัฐบาลเวเนซุเอลา ระบุบนโซเชียลมีเดียว่า กำลังพิจารณาออกใบอนุญาตสำหรับการสำรวจและพัฒนาก๊าซที่ไม่มีน้ำมันเจือปน (Non-associated Gas) ในแหล่งก๊าซที่ใช้ร่วมกัน
ส่วนรัฐบาลเวเนซุเอลาได้แชร์รูปภาพที่แสดงให้เห็นว่านายเปโดร เตเญเชีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของเวเนซุเอลา พบปะกับนายเดวิด แคมป์เบลล์ ประธานของบีพีประจำตรินิแดดและโตเบโก และนายสจวร์ต ยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตรินิแดดและโตเบโกในกรุงการากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา
แหล่งก๊าซมานาคิน-โคกีนา มีพื้นที่ครอบคลุมพรมแดนของทั้งเวเนซุเอลาและตรินิแดดและโตเบโก โดยบีพีระบุว่าการเจรจาเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งก๊าซดังกล่าว สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อเวเนซุเอลา
ทั้งนี้ แหล่งก๊าซมานาคิน-โคกีนาได้รวมกันเป็นพื้นที่เดียวกันในปี 2558 แต่อย่างไรก็ตาม การหารือใด ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการก๊าซในพื้นที่ได้หยุดชะงักลง หลังจากที่สหรัฐบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลาในปี 2562