บริษัทนิปปอน สตีล คอร์ป (Nippon Steel Corp.) ของญี่ปุ่น เปิดเผยวันนี้ (15 มี.ค.) ว่า บริษัทตั้งใจที่จะบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัทยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป (United States Steel) หรือยูเอส สตีล ที่มูลค่า 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่ายูเอส สตีล ควรอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐ
นิปปอน สตีลระบุในแถลงการณ์ในวันนี้ว่า บริษัทยืนยันข้อเสนอก่อนหน้านี้ที่จะอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติม 1.4 พันล้านดอลลาร์ และให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานหรือปิดโรงงานจนถึงอย่างน้อยเดือนก.ย. 2569
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แม้ว่าปธน.ไบเดนจะไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าเขาจะขัดขวางการเทคโอเวอร์ดังกล่าว แต่ความเห็นของเขาเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ปธน.จะเข้ามาแทรกแซงข้อตกลงทางธุรกิจ เว้นแต่จะเป็นช่วงปีที่มีการเลือกตั้ง แม้ว่านิปปอน สตีลจะยืนยันหนักแน่นในการควบรวมกิจการกับยูเอส สตีล แต่ความเสี่ยงที่จะเผชิญการต่อต้านจากทำเนียบขาวอาจทำให้ข้อตกลงดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ สหรัฐยังเสี่ยงที่จะบั่นทอนความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญอีกด้วย โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น มีกำหนดจะจัดการประชุมสุดยอดกับปธน.ไบเดน ณ กรุงวอชิงตันในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งจะมีประเด็นด้านความร่วมมือด้านความมั่นคงเป็นวาระสำคัญในการประชุม แต่ปัญหาเรื่องยูเอส สตีล อาจทำให้บรรยากาศในการประชุมไม่สู้ดีนัก
ในส่วนของความเป็นไปได้ที่บริษัทคลีฟแลนด์-คลิฟส์ อิงค์ (Cleveland-Cliffs Inc.) จะเข้าซื้อกิจการของยูเอส สตีลนั้น นายลอเรนโก กอนซาลเวส ซีอีโอของบริษัทระบุเมื่อเช้าวานนี้ว่า เขาจะพิจารณายื่นข้อเสนอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงาน แม้ว่าจะมีราคาต่ำกว่าข้อเสนอของนิปปอน สตีลอย่างมากก็ตาม ทั้งนี้ ยูเอส สตีลได้ปฏิเสธข้อเสนอก่อนหน้านี้ของคลีฟแลนด์-คลิฟส์ไปแล้ว