นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) และฮอนด้า มอเตอร์ (Honda Motor) ประกาศในวันนี้ (15 มี.ค.) ว่า ทั้งสองบริษัทตกลงที่จะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้สำหรับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สองผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจัดหาชิ้นส่วนร่วมกัน รวมถึงใช้ส่วนประกอบหลักร่วมกันสำหรับรถ EV ของแต่ละบริษัท
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันในตลาด EV ทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตในหลายประเทศ ขณะที่หลายประเทศพยายามลดการปล่อยคาร์บอน
ความเป็นไปได้ในการจับมือกันครั้งนี้จะสร้างพันธมิตรชาติญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งในการต่อกรกับคู่แข่งรายใหญ่จากต่างประเทศ เช่น ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่างเทสลา (Tesla) และบีวายดี (BYD) ของจีน โดยค่ายรถญี่ปุ่นพัฒนารถ EV ช้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับค่ายรถจีนอย่างบีวายดี ส่งผลให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีน และทำให้อ่อนแอในตลาดญี่ปุ่นเองด้วย
การลดต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้แบตเตอรี่ราคาแพงและระบบที่ซับซ้อนอื่น ๆ
ความเป็นไปได้ที่นิสสันจะจับมือกับฮอนด้าถือเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้าน EV ของนิสสันในปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้มุ่งเน้นไปที่การเป็นพันธมิตรกับเรโนลต์ (Renault) ของฝรั่งเศสและมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
ปีที่แล้วนิสสันตัดสินใจลงทุนในแอมแปร์ (Ampere) ซึ่งเป็นกิจการ EV ใหม่ของเรโนลต์ เพื่อขยายไลน์รถยนต์ไฟฟ้าของนิสสัน อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เรโนลต์ได้ยกเลิกแผนการนำแอมแปร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยให้เหตุผลว่าสภาพแวดล้อมของตลาดไม่เอื้ออำนวย
ฮอนด้าซึ่งเดิมมักเลือกที่จะพัฒนารถยนต์ของตัวเอง ได้หันมาเพิ่มความร่วมมือด้าน EV กับบริษัทอื่น ๆ เช่น โซนี่ กรุ๊ป (Sony Group) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นายทัตสึโอะ โยชิดะ นักวิเคราะห์ตลาดยานยนต์อาวุโสจากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) กล่าวว่า "ดูเหมือนว่านิสสันมีความกระตือรือร้นที่จะบรรลุข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งก็สมเหตุสมผล ขณะที่ฮอนด้าอาจใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อเสนอนี้เพราะเป็นฝ่ายที่ถูกเข้าหา ถ้าถามผมว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ผมว่าคงยากที่จะมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีในกรณีนี้"