กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กำลังปล่อยกู้เป็นจำนวนเงินใกล้เคียงระดับสูงเป็นประวัติการณ์ให้กับประเทศต่าง ๆ เกือบ 100 ประเทศ ซึ่งแสดงถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ IMF ในการช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ในการรับมือกับปัญหาด้านการเงินและการเมืองโลก หลังยุคโควิด-19 ระบาด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ดังนั้น IMF จึงต้องให้ความช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ มากขึ้นในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาทิ ในยูเครน, อียิปต์, อาร์เจนตินา, ปากีสถาน และประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา บลูมเบิร์กคำนวณโดยใช้ข้อมูลจาก IMF ระบุว่า IMF ปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้นสู่ระดับประมาณ 1.51 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนก.พ. (IMF รายงานตัวเลขสินทรัพย์ที่เป็นทุนสำรองเงินตราต่างประเทศหรือสิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Rights - SDR) จำนวน 1.13 แสนล้านหน่วย)
จำนวนเงินกู้ทั้งหมดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อ IMF เสร็จสิ้นแผนการเพิ่มการสนับสนุนอียิปต์เป็น 8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ โดยส่งผลให้ยอดรวมการปล่อยกู้ใกล้เคียงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนส.ค. 2566
นายมาซูด อาห์เหม็ด ประธานศูนย์เพื่อการพัฒนาโลก (Center for Global Development - CGD) และอดีตหัวหน้าแผนกตะวันออกกลางของ IMF กล่าวว่า "แม้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว ประเทศต่าง ๆ ยังคงเผชิญแรงกดดันและความเครียด อีกทั้งโลกมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น และมีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น"
นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการของ IMF นับตั้งแต่ปี 2562 ได้เตือนว่า ความแตกต่างทางรายได้ที่เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและประเทศที่ยากจนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพ ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งนั้นคือความขัดแย้ง