เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เมื่อเทียบกับยูโร โดยถูกกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน แม้ว่า BOJ ได้ประกาศยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในการประชุมเมื่อวานนี้แล้วก็ตาม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำถึง 164.35 เยนต่อยูโรในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนลดช่วงลบในเวลาต่อมา
เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533 โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ เงินเยนร่วงลงราว 7% แล้ว ส่งผลให้เยนกลายเป็นสกุลเงินที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในบรรดาสกุลเงินของกลุ่มประเทศ G10
การอ่อนค่าลงของเงินเยนเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เงินเยนจะยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเพราะอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสกุลเงินเยนจะน้อยกว่าสกุลเงินอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้ เงินเยนยังอ่อนค่าลงจากถ้อยแถลงของนายคาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการ BOJ และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของ BOJ ที่ยืนยันว่านโยบายการเงินจะยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย แม้ว่า BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีและประกาศยกเลิกนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) เมื่อวานนี้ก็ตาม
อเล็กซ์ ลู นักกลยุทธ์จากบริษัททีดี ซิเคียวริตีส์ในสิงคโปร์กล่าวว่า "การที่เงินเยนทำผลงานย่ำแย่ที่สุดนั้นเป็นเพราะตลาดตีความว่า การตัดสินใจของ BOJ ในการประชุมเมื่อวานนี้เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ยังคงมีจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย (dovish hike) เราคาดว่าเงินเยนอาจจะอ่อนค่าทะลุ 165 เยนต่อยูโร หากทางฝั่งยูโรโซนมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น"
คณะกรรมการ BOJ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสู่ระดับ 0 ถึง 0.1% จากระดับ -0.1% นอกจากนี้ BOJ ได้ประกาศยุตินโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี โดยที่ผ่านมา BOJ ได้ใช้นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวผ่านการซื้อและขายพันธบัตรดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อน BOJ ตัดสินใจดังกล่าว นักวิเคราะห์ราว 90% มองว่า มีโอกาสที่ BOJ อาจยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในการประชุมครั้งล่าสุดนี้
แถลงการณ์ของ BOJ ยังระบุด้วยว่า BOJ จะยุติการซื้อกองทุน ETF และ J-REITS ซึ่งเป็นกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น และจะค่อย ๆ ปรับลดการซื้อตราสารหนี้เอกชน โดยวางแผนว่าจะยุติการซื้อตราสารหนี้เอกชนภายในระยะเวลา 1 ปี อย่างไรก็ดี BOJ จะยังคงเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลญี่ปุ่นในวงเงินเท่ากับในช่วงที่ผ่านมา