บริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ กำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากในขณะนี้ หลังจากบริษัทถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด ซึ่งการฟ้องร้องดังกล่าวมีขึ้นในเวลาเดียวกับที่แอปเปิ้ลกำลังเผชิญกับการตรวจสอบในยุโรปว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย "Digital Markets Act" ของสหภาพยุโรป (EU) หรือไม่
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นแอปเปิ้ลร่วงลง 4.1% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) c]tส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของแอปเปิ้ลหายไปถึง 1.13 แสนล้านดอลลาร์ และนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้นแอปเปิ้ลดิ่งลงไปแล้ว 11%
ก่อนหน้านี้แอปเปิ้ลเคยเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2567 หุ้นแอปเปิ้ลกลับทำผลงานได้ย่ำแย่ทั้งในดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq 100
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศฟ้องบริษัทแอปเปิ้ลเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด โดยระบุว่าทางบริษัทได้ผูกขาดตลาดสมาร์ตโฟนจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน และบริษัทคู่แข่ง ขณะที่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทนับตั้งแต่ iPhone, Apple Watch ไปจนถึง Apple Pay ต่างก็เกี่ยวข้องในพฤติกรรมการผูกขาดตลาดของบริษัท
ด้านแอปเปิ้ลออกแถลงการณ์ระบุว่า "ทางบริษัทจะยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดี คดีนี้ถือเป็นการคุกคามตัวตนของเรา และหลักการที่ทำให้แอปเปิ้ลแตกต่างจากตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด หากกระทรวงฯ ได้รับชัยชนะ สิ่งนี้จะขัดขวางความสามารถของเราในการสร้างเทคโนโลยีที่ลูกค้าต้องการเห็นจากแอปเปิ้ลทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการให้บริการ"
ขณะที่โฆษกของแอปเปิ้ลกล่าวว่า "คดีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่อันตราย โดยเป็นการให้อำนาจแก่รัฐบาลในการกำหนดเทคโนโลยีของประชาชน"