นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในเดือนต.ค.ปีนี้ และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ BOJ ดำเนินการดังกล่าว
หลังจาก BOJ ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0 ถึง 0.1% จากระดับ -0.1% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 มี.ค.) นักวิเคราะห์ 70% ของจำนวน 47 คนที่ได้รับการสำรวจโดยบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในเดือนต.ค.
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า นักเศรษฐศาสตร์ตระหนักถึงความเสี่ยงที่นายคาซูโอะ อุเอดะ และกรรมการคนอื่น ๆ ของ BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แม้ว่า BOJ ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่งหลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีในการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมวันดังกล่าว เงินเยนอ่อนค่าลงกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนตีความถ้อยแถลงของนายอุเอดะว่า BOJ จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป และที่ประชุม BOJ ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเมื่อใด
ส่วนเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) นายอุเอดะได้แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า BOJ จะยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วยการรักษาจุดยืนด้านนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ในระหว่างการแถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ BOJ ตัดสินใจยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบนั้น นายอุเอดะได้ถูกสมาชิกรัฐสภากดดันด้วยการตั้งคำถามว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้นเร่งรีบเกินไปหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นหรือไม่
นายอุเอดะได้ตอบคำถามดังกล่าวว่า "อันที่จริงเราควรจะรอจนกว่าเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับเป้าหมาย 2% เป็นระยะเวลานาน แต่ถ้าหากเราทำเช่นนั้น เราก็ไม่มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับ 2% ได้ต่อไปหรือไม่ และเราอาจจะเผชิญกับความเสี่ยงจากการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ" นายอุเอดะกล่าว
"หากความเสี่ยงดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เราอาจถูกบีบให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง ซึ่งเหตุผลเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราใช้ประกอบในการตัดสินใจยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในการประชุมสัปดาห์นี้" นายอุเอดะกล่าว