ความร่ำรวยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับราว 6.5 พันล้านดอลลาร์ในไม่กี่วันมานี้ และมีแนวโน้มที่จะติดอันดับ 500 บุคคลที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการที่บริษัททรูธ โซเชียล (Truth Social) ของทรัมป์ควบรวมกิจการกับบริษัทดิจิทัล เวิลด์ แอคควิซิชัน คอร์ป (Digital World Acquisition Corp - DWAC) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.) โดย DWAC เป็นบริษัทเปลือก (shell company) หรือ SPAC ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการควบรวมกิจการโดยเฉพาะ
หลังจากการควบรวมกิจการเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้มีการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่ชื่อ ทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป คอร์ป (Trump Media & Technology Group Corp - TMTG) และหุ้นของ TMTG จะมีการซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq ของสหรัฐเป็นวันแรกภายใต้สัญลักษณ์ "DJT" ในวันนี้ (26 มี.ค.)
ทั้งนี้ นายทรัมป์ถือครองหุ้นในบริษัท TMTG เกือบ 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนราว 58%
ราคาหุ้น DWAC พุ่งขึ้น 35% ในวันจันทร์ปิดตลาดที่ระดับ 49.95 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่งผลให้หุ้นที่นายทรัมป์ถือครองอยู่มีมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยราคาหุ้น DWAC พุ่งขึ้นหลังจากศาลอุทธรณ์ในนครนิวยอร์กได้ลดจำนวนเงินสดที่นายทรัมป์จะนำมาค้ำประกันในคดีฉ้อโกง ซึ่งช่วยให้นายทรัมป์ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน 454 ล้านดอลลาร์ในทันที
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผลของการควบรวมกิจการระหว่าง DWAC และทรูธ โซเชียล ส่งผลให้ชื่อนายทรัมป์วัย 77 ปี ได้รับการรวมอยู่ในดัชนี Bloomberg Billionaires Index เป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.)
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าความร่ำรวยของนายทรัมป์จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปหรือไม่ เนื่องจากนายทรัมป์จะไม่สามารถขายหุ้น DWAC ได้เป็นระยะเวลา 6 เดือนภายใต้กฎระเบียบในปัจจุบัน และหุ้น DWAC ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ประวัติราคาผันผวนอย่างมาก